เชื่อหรือไม่ว่าครั้งหนึ่งโลกของเราใบนี้ เคยมี "ดีล" ซื้อขายอสังหาริมทรัพย์ที่ใหญ่ที่สุดในประวัติศาสตร์
ดีลครั้งนี้เกิดขึ้นในช่วงยุคล่าอาณานิคมของยุโรปที่แผ่อิทธิพลไปยังดินแดนอื่น
ช่วงนั้นเจ้าอาณานิคม มีอยู่ 3 ประเทศ คือ อังกฤษ สเปน และฝรั่งเศส ทั้ง 3 ประเทศไม่ได้สู้รบกันโดยตรง แต่อาศัย "เจรจา" และแบ่งดินแดนกัน (บางครั้งก็อาศัยกำลังทหารเข้าโจมตี) เว้นแต่ว่าดินแดนไหนถูกค้นพบได้ก่อน ประเทศที่ค้นพบก็จะเป็นเจ้าของไปโดยปริยาย เรียกได้ว่าไม่มีใครน้อยหน้าใคร
... แต่ฝรั่งเศสดูจะเป็นต่ออยุ่นิดหน่อย ภายใต้การนำของผู้นำอย่าง "นโปเลียน โบนาปาร์ต"
หลังจากที่เขามีอำนาจแล้วเขาก็ตั้งตัวเป็นผู้นำเผด็จการ ภายใต้ชื่อ จักรพรรดินโปเลียนที่ 1
ดินแดนแถม Midwest ของอเมริกาถูกควบคุมโดยฝรั่งเศส
โดยมีศูนย์กลางการควบคุมอยู่ที่ "หลุยเซียนา"
ในตอนแรกนโปเลียนจะใช้ดินแดนแถบนี้เพื่อใช้ในการเพาะปลูก ผลิตอาหารเพื่อใช้เลี้ยงทาสและกองกำลังทหารในอาณานิคมหมู่เกาะแคริบเบียน
โดยมีจุดประสงค์ในการรุกรานอเมริกาเหนือ
แต่ด้วยการปกครองที่กดขี่ ทาสและชนพื้นเมืองจึงลุกฮือเกินควบคุม และการทำสงครามกับอังกฤษ ทำให้นโปเลียนยุ่งยากกับการดูแล จึงพยายามขายดินแดนแทบนี้แบบขาดทุน
นี้ถือเป็นข่าวดีของสหรัฐ และการมองการไกลของประธานาธิบดีคนที่สามอย่างโทมัส เจฟเฟอร์สัน
พวกเขาได้ตัดสินใจซื้อลุยเซียนาที่มีอาณาเขตกว้างถึงสองล้านตารางไมล์ ด้วยราคาสุดถูกแค่ 15 ล้านเหรียญสหรัฐ
... ปัจจุบันแยกเป็นหลายมลรัฐ ได้แก่ ลุยเซียนา อาร์คันซอ โอคลาโฮมา มิสซูรี แคนซัส โคโลราโด ไวโอมิง เนบราสก้า ไอโอวา มินเนโซตา มอนแทนา นอร์ทดาโคตา และเซาท์ดาโคตา
ดินแดนในแถบ Midwest
นี้ถือเป็นดีลที่งดงามจริงๆ และถือว่าคุ้มค่ามากมาจนถึงปัจจุบัน
ยังมีอีกดีลหนึ่งที่น่าสนใจ .. !!
การซื้อสุดคุ้มอีกครั้ง น่าจะเป็นดีลการซื้อรัฐอลาสก้า ในปี 1867 ด้วยราคา 7 ล้านเหรียญจากจักรวรรดิรัสเซีย ซึ่งถูกต่อต้านอย่างหนัก แม้ว่าผู้คนจะมองว่าเป็นการผลาญเงินโดยใช่เหตุ
ชาวรัสเซียอยู่อาศัยในอลาสก้ามาตั้งแต่ปี 1741 ด้วยเหตุผลเพียงอย่างเดียว คือ "ล่าตัวนาก"
ทำไมต้องเป็นตัวนาก ... เพราะขนและหนังของมันสามารถนำไปขาย และถักทอเป็นเสื้อผ้าสุดหรูสำหรับชนชั้นสูงได้ ซึ่งราคาของหนังนาก พอๆกับงาช้างของอินเดีย ที่มักจะนำมาประดับประดาในบ้านหรือสวนของบ้านคนรวย
การอาศัยของชาวรัสเซียไม่เป็นหลักแหล่ง พอตัวนากหมด มันก็ไม่มีประโยชน์ที่จะอยู่ต่อ ดังนั้นรัสเซียจึงอยากจะขายดินแดนนี้เพื่อแลกกับเงินสด ปัญหาคืออเมริกาก็มองเช่นเดียวกันว่ามันไร้ประโยชน์
ในปี 1868 ทูตของรัสเซียพยายามติดสินบนเจ้าหน้าที่อเมริกาเพื่อให้เข้าถึงการเสนอขายดินแดนอลาสก้า ด้วยสินบนก้อนโตให้กับเหล่าวุฒิสมาชิก โดยรัสเซียจะขายในราคา 7.2 ล้านเหรียญ
... อเมริกาตอบตกลงทันทีโดยไม่ต้องคิด เพราะอยากได้สินบนมากกว่าอลาสก้า !!!
ดีลนี้ทำให้คนอเมริกาไม่พอใจอย่างมาก และเรียกการซื้อขายครั้งนี้ว่า
"ถังน้ำแข็งในราคา 7 ล้านเหรียญ"
มันสิ้นเปลื้องและไร้ประโยชน์ จนกระทั่งพวกเขาค้นพบว่ามีอะไรบางอย่างซ่อนอยู่ในถังน้ำแข็งอย่างรัฐอลาสก้า
ในปี 1900 มีการค้นพบสินแร่ทองคำที่เมืองคลอนไดค์เมืองที่แสนว่างเปล่าในถังน้ำแข็งอลาสก้า จึงเกิดกระแสยุคตื่นทอง
ต่อมาอีก 50 ปี ก็มีการขุดพบน้ำมันขนาดใหญ่ที่รัฐอลาสก้านั้นเอง ...
----------------------------
ขอบคุณเรื่องเล่าจากหนังสือ
ประวัติศาสตร์โลกฉบับไม่ง่วง : The Mental Floss History of The World