1. เขาว่าตลาดหุ้น "ขึ้นบันได ...ลงลิฟท์"
ตลาดรอบนี้ ต้องเรียกว่า "ลงลิฟท์ แล้วขึ้นลิฟท์"
เราลงลิฟท์ในช่วง กุมภามีนา และขึ้นแบบคล้ายจะ "ขึ้นลิฟท์" ในช่วงเมษา พ.ค.
2. ตลาดขาขึ้นในระดับ > 35% ในสองเดือนเศษ นี่ต้องเรียกว่า bull market ตลาดกระทิง เหมือนโคถึกที่คึกพิโรธโดยแท้
3. สิ่งเหลือเชื่อ ... นี่คือตลาดกระทิง สภาพการวิ่งขึ้นที่รุนแรงในตลาดหุ้น ช่างย้อนแย้ง กับสภาพจริงใน "ตลาดสด" สิ้นดี
4. ด้วยสาเหตุข้อ 3. นี่จึงเป็นตลาดกระทิงที่มี "คนตกรถ" มากมายที่สุด บางคนยังเงื้อค้าง รอ 900 จุดกะว่าจะหวดให้จั๋งหนับ
นี่คงเป็นที่มาของภาษิต "เงื้อง่า ราคาแพง"
5. คนเรียกตลาดหุ้นช่วงนี้ว่า "บ้านป่าเมืองเถื่อน" ... ถ้าฉายานี้เป็นจริง รอบนี้ มันก็ป่าเถื่อนไปทั้งโลกครับ ยุโรป อเมริกา เอเชีย ขึ้นแบบเขียวสดๆ ดิบเถื่อนกันหมด
6. ความน่าประหลาดใจอีกอย่าง คือนักลงทุนต่างชาติ ที่ยี้หุ้นไทยมาโดยตลอด ...แต่กลับมาเพิ่งซื้อหุ้นไทยหนักมือ ใน 4 วันต่อเนื่อง 29 พ.ค., 1,2,4 มิ.ย. จัดไป หมื่นกว่าล้าน ในสี่วัน
อะไรจะมาพอดี มีจังหวะซิทคอมแบบนี้
7. ด้วยเหตุนี้ ในช่วงสองเดือนที่ผ่านมา บทวิเคราะห์เป้าดัชนี จึงผิดเพี้ยนไปหมด
ให้เป้าดัชนี 1200 เต็มที่...ก็ตีแตก เป้า 1300 ...ก็ตีแตกอีก เป้า 1400 ...ก็ตีแตกอีกโอ้วว
8. คำแนะนำให้ Sell in May and go way กลายเป็น "ตกรถ in May and Stay afraid"
9. "กลุ่มแบงค์" ที่ไม่น่าจะฟื้นที่สุด ก็ยังดาหน้าหา ceiling ได้ในภาวะโควิดนี้
นี่คือเหตุการณ์ที่หาได้ยากยิ่ง ในภาวะปกติคือเราต้องเป็นประเทศที่เติบโตสุดๆ มีข่าวดีสุดๆ หุ้นแบงก์ใหญ่ที่เป็นตัววัดเศรษฐกิจประเทศ จึงจะขึ้นพร้อมกันโดยมิได้นัดหมาย
10. ด้วยสภาพคล่องที่ล้นระบบ ดอกเบี้ยที่ต่ำเตี้ยที่สุดเป็นประวัติการณ์... นักลงทุนที่ขายหุ้นนั่งทับเงินสด > 70% หรือผู้คนจำนวนมากที่ไม่รู้จะหาผลตอบแทนจากการฝากเงินที่ไหน จะทำอย่างไร