ถ้าตลาดหุ้นของประเทศต่างๆในอาเซียน กำลังแข่งขันกันเหมือนกีฬาซีเกมส์
หลังโควิด ตลาดหุ้นอาเซียนลงระดับ -20 ถึง -40% ผ่านความ Shipหาย กันมาทุกประเทศ
หลังจากนั้น คือการเด้งแทบจะ V Shape
เรามาดูกัน ว่าใครได้อันดับเท่าไหร่บ้าง
อันดับ 1 มาเลเซีย
อันดับ 2 เวียดนาม
อันดับ 3 ไทยแลนด์
อันดับ 4 สิงคโปร์
อันดับ 5 อินโดนีเซีย
อันดับ 6 ฟิลิปปินส์
ผลเมื่อวัด 1 ปี ตลาดหุ้นที่มี performance ดีที่สุด
ไม่ใช่พี่ไทยนะ ... แต่เป็น มาเลเซีย ที่ลงน้อย และเด้งคืนมาครึ่งทางของที่ลงไปแล้ว
P/E ตลาดหุ้นที่ถูกๆ ผลงาน อันดับ 4,5,6
P/E ตลาดหุ้นที่แพงกว่า ผลงาน อันดับ 1,2,3
.
.
"อิหยังวะ? "
คงเป็นคำสบถของนักลงทุนรายย่อย ในตลาดหุ้นทั่วโลก เพราะเด้ง V-Shape กันไปถ้วนทั่ว
ตอนนี้นักลงทุนรายย่อยไทย ก็งงงวยกันไปหมด
ดัชนีSET 1330กว่า ...ขึ้นมาค่อนข้างมากแล้วจาก Bottom
คหสต. ก็ไม่ใช่ว่าจะถือหุ้นไม่ได้เลยนะ
เพราะหุ้นในตลาดตอนนี้ ก็มีทั้งสามแบบ
(1) มีทั้งหุ้นที่กลับไปเกินจุด Pre-Covid แล้ว
(2) มีทั้งหุ้นที่กลับมาพอควรแต่ยังต่ำกว่าช่วง Pre-COVID
(3) และหุ้นชุดที่ยังห่างจากจุด Pre-Covid พอควร
.
.
ผมคิดว่า
-> การเลือกหุ้นที่เข้าซื้อ เราควรมองกลุ่ม (2) และ (3) เป็นหลัก
-> ในเชิง Asset Allocation เราควรมีเงินสด 30%+ เหมือนซื้อประกันไว้ เกิดเหตุเภทภัย จะได้มีกระสุน
ตอนนี้ข่าวการเงินทั่วโลก เป็นการตีกันของ 2 กระแส
==========
ความเชื่อหนึ่ง...
==========
เชื่อว่าเศรษฐกิจจะซึมยาวมากกกก ผู้คนตกงาน กำลังซื้อหดหาย เกิดนิวนอร์มอล เศรษฐกิจจะพินาศ ใช้เวลานานในการฟื้นฟู--> "หุ้นจะไม่ดี"
.
==========
ความเชื่อสอง...
==========
เชื่อว่าดอกเบี้ยต่ำแทบจะติดลบ และการเงินอัดฉีดกู้เศรษฐกิจมหาศาล จะผลักดันให้นักลงทุนต้องเลือกลงทุนในสินทรัพย์เสี่ยง ... นี่ไม่ใช่ทางเลือก แต่เป็นทางรอด --> "หุ้นจะดี"
ถ้าหุ้นลง ... เอาความเชื่อหนึ่ง มาอธิบาย บลาๆๆๆ
ถ้าหุ้นขึ้น ... เอาความเชื่อสอง มาอธิบาย บลาๆๆๆ
ความเชื่อสองข้างนี้
ปะทะกันทุกวันครับ
.... เลือกเชื่อเอาสักข้าง
.... หรือเลือกเชื่อทั้งสองข้าง
.... เดิมพันด้วยตังค์ในกระเป๋า
.... คุณเชื่อข้างไหน?