ช่วงนี้ตลาดหุ้นไทยขึ้นมาค่อนข้างมากจากจุดต่ำสุดราวๆ 970 จุด เมื่อเดือนมีนาคมปี 2020 ตอนนี้ SET Index อยู่ที่ 1330 จุด ขึ้นมาได้ประมาณเกือบ 400 จุด ทำให้เกิดคำถามขึ้นว่า เราตกรถแล้วใช่ไหม

ถ้าอ่านบทวิเคราะห์หลายสำนัก ก็น่าจะพูดเป็นเสียงเดียวกันว่า "จุดต่ำสุดได้ผ่านพ้นไปแล้ว" หรือเรียกอีกอย่างว่า "ตกรถ"  ถึงแม้ว่าไตรมาส 2 ที่กำลังจะถึงนี้ผลประกอบการไม่น่าจะดีอย่างแน่นอน แต่ตลาดหุ้นเป็นเรื่องของอนาคต นักลงทุนได้มองไปถึงปีหน้า ... เขาว่ากันมาแบบนี้นะ ซึ่งเป็นปกติของหุ้นที่ขึ้นมาระดับหนึ่งแล้วคนจะหันกลับมามองโลกในแง่บวกมากขึ้น

แล้วแบบนี้ เราควรจะทำอย่างไรดี ... ?

เราต้องเข้าใจก่อนว่า ในระยะยาวแล้วตลาดหุ้นจะให้ผลตอบแทนประมาณ 10% โดยเฉลี่ยระยะยาว ดังนั้นบางปี หุ้นอาจจะตกได้มากกว่า 10%  บางปีอาจจะบวกได้มากถึง 10% แต่สุดท้ายแล้วจะไม่สามารถรักษาผลตอบแทนสูงมากๆ หรือต่ำมากๆแบบนี้ได้อย่างยาวนาน

ถ้าปีไหนบวกติดต่อกันค่อนข้างนาน เราอาจจะมั่นใจได้ว่าปีต่อไป หุ้นอาจจะปรับฐานหนัก (เหมือนช่วง 2 ปีที่ผ่านมานี้) เมื่อปรับฐานแล้ว นั้นเป็นโอกาสของนักลงทุนที่ได้เข้าซื้อหุ้นราคาถูกๆอีกครั้ง

แต่ปัญหาอยุ่ที่จิตใจเรามากกว่า คือ เราทนเห็นการขึ้นของราคาหุ้นไม่ได้ จึงรีบกระโดดเข้าไปซื้อเพราะเห็นคนรอบข้างใครๆก็ทำเงินได้จากตลาดหุ้น ไม่ว่าหุ้นจะแพงแค่ไหนก็ซื้อเพราะกลัวจะไม่มีโอกาส เมื่อตลาดเกิดการปรับฐาน เราก็เลยเจ็บตัวจากการขาดทุนด้วย และไม่มีเงินซื้อเมื่อเห็นหุ้นถูกกว่าเดิมด้วย

สิ่งที่ยากมากที่สุด คือ ตลาดเวลาปรับฐานจะกินระยะเวลายาวนานมาก จนไม่มีใครสามารถทนรอได้ไหว เมื่อทนรอไม่ได้ก็เลยถอดใจออกจากตลาดหุ้นไป พร้อมกับการขาดทุน

สุดท้ายแล้ว เราไม่ควรกลัวการตกรถไฟ เพราะท้ายที่สุดมันก็จะกลับมารับเราเสมอ .. ขอแค่รอคอยจังหวะและโอกาสรอบใหม่ เท่านั้นเอง