ถือเป็นขาดทุนครั้งแรกในรอบหลายปีเลยทีเดียวสำหรับหุ้น PTT ที่ประกาศออกมาแล้วขาดทุนมากถึง 1.5 พันล้านบาท จากที่เคยกำไรในช่วงเดียวกันของปีก่อนที่ 2.93 หมื่นล้านบาท
แต่การประกาศผลประกอบการนั้น ดูจะไม่ผิดคาดสักเท่าไรนัก เพราะตลาดก็รับรู้ไปพอสมควรแล้ว อีกทั้งสถานการณ์ราคาน้ำมันที่ดูไม่ดี ก็พอจะ "เดา" ผลประกอบการได้ไม่ยาก
ผลประกอบการไตรมาสนี้มีอะไรที่น่าสนใจบ้าง มาดูแบบเร็วๆกันครับ
- การขาดทุนครั้งนี้ ถือเป็นครั้งแรกตั้งแต่ไตรมาส 3/58
- ยอดขายลดลงประมาณ 10% ในขณะที่ EBITDA ลดลงค่อนข้างสูงถึง 59% นำโดยธุรกิจปิโตรเคมีและการกลั่นเป็นตัวกดผลประกอบการ
- ธุรกิจโรงกลั่น รวมถึงปิโตรเคมีขาดทุนจากสต็อคน้ำมัน ส่งผลให้หุ้นแม่อย่าง PTT ขาดทุนไปด้วย
- ธุรกิจสำรวจ PTTEP ถูกกดดันจากราคาขายเฉลี่ยที่ลดลงตามราคาน้ำมัน
- ธุรกิจก๊าซมีปริมาณการขายที่ลดลง ราคาขายเฉลี่ยลดลง อีกทั้งยังมีการปิดซ่อมบำรุงโรงแยกก๊าซบางแห่ง มีค่าใช้จ่าย
- ธุรกิจถ่านหินและธุรกิตค้าน้ำมัน มีทิศทางที่ดีขึ้น ต้นทุนลดลง ค่าใช้จ่ายลดลง
- ขาดทุนจากอัตราแลกเปลี่ยน 5.1 พันล้านบาท และขาดทุนจากสต๊อคน้ำมัน 1.8 หมื่นล้านบาท
มาดูมุมมองนักวิเคราะห์ว่ามองผลประกอบการของ PTT เป็นอย่างไร ?
บล หยวนต้า วิเคราะห์ว่าผลประกอบการของ PTT ใกล้เคียงกับที่ตลาดคาด เชื่อว่าราคาน้ำมันน่าจะผ่านจุดต่ำสุดไปแล้ว และธุรกิจปลายน้ำเองน่าจะเริ่มฟื้นตัวในไตรมาส 2 ส่งผลให้ผลประกอบการของ PTT ปรับตัวดีขึ้น แต่สิ่งที่น่ากังวลใจ คือ ธุรกิจต้นน้ำ คือสำรวจและผลิตปิโตรเลียม จะยังโดนกดดันในแง่ปริมาณการขาย รวมถึงธุรกิจก๊าซที่โดนกดดันทั้งราคาขายและปริมาณ
ทั้งนี้มองว่าหุ้น PTT จะกลับมาฟื้นตัวได้ช่วงครึ่งปีหลังของปี 2563 แต่สำหรับไตรมาส 2 แล้วมองว่ายังไม่โดดเด่น
====================
ขอบคุณแหล่งข้อมูล
บทวิเคราะห์หุ้น PTT