หลังคลายล็อกดาวน์
2 สัปดาห์ก่อนอ่านข่าว CNN เรื่องชีวิตหลังคลายล็อกดาวน์ ที่เมืองอู่ฮั่นประเทศจีน ว่า เป็นจุดเริ่มต้นที่แท้จริง ของวิกฤตโควิด19
(Wuhan shows the world that the end of lockdown is just the beginning of the Covid-19 crisis)
หลังจากปิดเมืองไป 76 วัน จำกัดการแพร่ระบาดของโรคได้แล้ว ตัดสินใจเปิดเมืองที่เคยเป็นศูนย์กลางการระบาดของโรคได้แล้ว
ปรากฏว่า ชีวิตปกติไม่กลับมา
ผู้คนยังไม่นิยมออกจากบ้าน ร้านอาหารยังไม่มีคน ตลาดยังไม่มีผู้คนเดินจับจ่าย...เงียบเหงามาก
ยอมรับว่าอ่านไปก็แอบเสียวไปเหมือนกัน
.
.
=================================
นั่นจะเกิดกับประเทศไทยไหม?
คนไทยเรากลัวไม่กล้าออกจากบ้านจริงหรือเปล่า?
=================================
.
.
สัปดาห์ที่แล้วประเทศไทยเราได้เริ่มการคลายล็อคบางส่วน หลังจากตัวเลขผู้ติดเชื้อลดลงต่อเนื่อง
หลายๆบริษัทเริ่มกลับมาทำงาน รถไฟฟ้าและทางด่วน เริ่มมีผู้คนกลับมาใช้งานสัญจร
ปรากฏว่า...ได้เห็นรถไฟฟ้าแน่น และรถติดเป็นครั้งแรก นับตั้งแต่กลางมี.ค.
ร้านอาหารร้านกาแฟหลายๆแห่งเริ่มเปิดให้บริการ จัดโต๊ะแบบซิกแซก สร้างระยะห่างระหว่างกัน
สิ่งที่ผมพบคือเพื่อนฝูงบน social media เริ่มกลับไปใช้บริการ ...ไปกินอาหารไปอุดหนุนร้านค้าเหล่านั้น กินชาบู ปิ้งย่าง กินสุกี้ กินกาแฟ เบเกอรี่ที่ร้าน ... ไม่ได้กลัวจนไม่กล้าออกจากบ้านนะ
.
.
ข่าวเมื่อวาน...กทม.เผยเปิดตลาดนัดจตุจักรวันแรก มีขาช้อปหมุนเวียนกว่า 10,000 ราย จับจ่ายสินค้า ร้านค้ายังเปิดแค่ 20% (หรือ 2 พันร้าน)
https://www.dailynews.co.th/bangkok/773590
ข่าวตลาดนัดจตุจักรก็เป็นตัวชี้วัดที่ดีนะ ขนาดร้านค้าเปิดแค่ 20 เปอร์เซ็นต์ท่ามกลางอากาศร้อนระอุ แทบหลอมละลาย ยังมีผู้คนเข้าไปในตลาดนัดมากถึง 10,000 ราย
ถ้าเปิดเต็มสเกลและมีการบริหารจัดการดีๆ เศรษฐกิจน่าจะหมุนเวียนและกลับมาฟื้นได้เร็ว
ผมยังคิดว่าคนไทยเป็นคนสบายๆ ปรับตัวง่าย และยอมใส่หน้ากาก
เชื่อว่าสุดท้ายหลังจากนี้ จะไปเดินห้าง ไปกินอาหารกินกาแฟนอกบ้าน และไปซื้อของกันเหมือนเดิม
ธุรกิจ การค้าขาย ตลาดสด ตลาดหุ้น
อาจจะกลับมาได้เร็วกว่าที่คิดก็ได้
#การ์ดไม่ตก
#หน้ากากต้องใส่
#ค้าขายกลับมา