ตั้งแต่ SET เดินทางผ่านขาลงแบบรุนแรง ในช่วงปลายเดือนกุมภา ปิดเดือนที่ 1340 จุด มาลงต่อเนื่องที่เดือน มีนาคม
ยุบตัวหนักที่สุด 969 จุด ในวันจันทร์ที่ 23 มีนาคม 2563 ทำ Circuit Breaker ไปหลายครั้งในช่วงเดือน
แล้วหลังจากนั้น "ตลาดหุ้นก็เริ่มยืนได้"
และไม่ใช่แค่ยืนได้ กลับค่อยๆปรับตัวขึ้นมาตลอดทาง มาเป็นเวลา 1 เดือน
จาก +10% คนก็ไม่เชื่อ ... +20% คนก็ยังไม่ค่อยเชื่อ ...และ +30% คนก็ยังลังเล ผสมกลัว
ผมเองก็รู้สึกว่า ตลาดหุ้นเด้งแรง และเร็วเกินไปนะ
ไม่รอดูหน้าไพ่ ของงบการเงิน Q1 และ Q2 เลย
หุ้นห้างบางตัว ราคาหุ้นตอนนี้ กลับขึ้นไปอยู่ที่ระดับต้นเดือนกุมภา ...ซึ่งก็คือก่อนที่วิกฤตโควิดจะมาจริงๆซะอีก
.
.
อีกสิ่งหนึ่ง ที่น่าประหลาดใจมาก ของรอบนี้
คือ Indicator เศรษฐกิจ มันมีความย้อนแย้ง
-> ตลาดหุ้น ซึ่งเป็น Indicator บอกเศรษฐกิจในอนาคต 6-12 เดือน เริ่มดูดีขึ้น และดีขึ้น กลายเป็นการเด้งแรง และเป็นทั่วโลก
-> ราคาน้ำมันดิบ รวมทั้ง Oil Future ซึ่งก็เป็น Indicator บอกเศรษฐกิจในอนาคต 6-12 เดือน (ตามอายุสัญญา) กลับดูแย่ ราคาน้ำมันผันผวนในโซนลบ
ตลาดหุ้นขึ้น ... ผู้เชี่ยวชาญบอกเศรษฐกิจกำลังกลับมาดี
ราคาน้ำมันพัง ...ผู้เชี่ยวชาญบอกเศรษฐกิจกำลังจะแย่ลง
นี่คือลักลั่น ย้อนแย้ง
.
.
คหสต. ผมคิดว่า สารพัดปัจจัย ส่วนหนึ่ง มันสะท้อนมาที่มุมมองในตลาดหุ้นไทย ในฟันด์โฟลว์ต่างชาติ
ดูจากกราฟ Year to Date ปีนี้ต่างชาติขายหุ้นไทยหนักมือมาก "แค่ 4 เดือน" ขายสุทธิไปจะ 1.6 แสนล้านแล้ว
ซึ่งเป็นตัวเลขเดียวกับการขายสุทธิหุ้นไทย ในปี Hamburger Crisis 2008 ที่ขายสุทธิ "ทั้งปี" ไป 1.62 แสนล้านบาท
และที่น่าสนใจคือ ปี 2563 นี้ ต่างชาติซื้อสุทธิเพียง 13 วัน จากทั้งหมด 80 วันซื้อขาย (Trading Day) แปลว่า 84% of Trading Day ต่างชาติเลือกที่จะออกจากหุ้นไทย
ในสภาวะที่เงินไหลออกแบบนี้ หุ้นจะขึ้นได้ค่อนข้างยาก
นักลงทุนสถาบันในประเทศ จะกลายเป็นผู้เล่นหลัก มีอิทธิพลต่อการเคลื่อนไหวของดัชนีมาก
.
.
ถึงบริเวณ 1280-1300 จุดแล้ว
คหสต. ขอเลือกลดพอร์ต กับหุ้นที่ขึ้นมามากบางส่วน (หุ้นห้าง และหุ้นไฟฟ้าบางตัว) เพื่อถือเงินสดไว้บ้าง (20%-30%)
ขึ้นมารวดเดียว มันก็เสียวหัวใจ
ระหว่างนี้ เราทยอยดูหน้าไพ่ งบ Q1 และแนวโน้มงบ Q2
ผมคิดว่าตลาดหุ้น จะยังคงผันผวน ผ่านสารพัดความจริง ทั้งบวกและลบ
และตลาดหุ้นจะให้โอกาสการลงทุนที่ดี ในปีนี้อีกแน่นอน