ถาม: เพื่อนบอกว่าให้ซื้อหุ้นตัวนึงด้วยเหตุผลที่ว่า บริษัทนั้นมี ROE "สูง" แสดงว่าบริษัทนั้นน่าสนใจกว่าบริษัทที่ ROE ต่ำ จริงหรือไม่ครับ?
ตอบ: ไม่แน่เสมอไปครับ
แม้ ROE (Return of Equity หรือ อัตราส่วนผลตอบแทนต่อส่วนผู้ถือหุ้น) จะช่วยนักลงทุนให้มองเห็นภาพคร่าวๆของความสามารถการทำกำไรของบริษัท แต่การเลือกซื้อหุ้นเพียงเพราะดูจาก ROE เพียงอย่างเดียว อาจจะทำให้เราเลือกบริษัทที่ให้ผลตอบแทนสูงแต่ความเสี่ยงก็สูงมากด้วยเช่นกัน
เคล็ดลับการดู ROE
1. ROE สูงเพราะกู้เยอะหรือไม่?
บางบริษัทอาจจะทำให้ ROE สูงขึ้นได้โดยใช้ leverage จากการกู้ยืม การขยายธุรกิจโดยอาศัยเงินจากการกู้ยืมแทนที่จะใช้เงินของผู้ถือหุ้นนั้น สามารถทำให้ธุรกิจเติบโตได้อย่างรวดเร็วโดยที่สัดส่วนของผู้ถือหุ้น (Equity) ไม่ได้เพิ่มขึ้น
แต่การกู้ยืมเงินที่มากจนเกินไปนั้น เพิ่มความเสี่ยงเช่นเดียวกันเนื่องจากภาระดอกเบี้ยที่สูงขึ้น การมีหนี้มากทำให้บริษัทต้องเผชิญกับความเสี่ยงในสภาวะที่เศรษฐกิจชะงักงัน ดังนั้นเราจึงต้องดูอัตราส่วนหนี้สินต่อทุน (D/E ratio) ประกอบด้วย ROE สูงแต่บริษัทกู้เงินแหลกลาญ เช่น D/E 4 เท่าแบบนี้ก็มีเสียวครับ
2. ROE ย้อนหลังสม่ำเสมอหรือไม่?
การรักษา ROE ให้สูงอย่างต่อเนื่องในระยะยาวเป็นสิ่งที่ไม่ง่าย เพราะเมื่อเวลาผ่านไปหลายๆปี ถ้าบริษัทดำเนินกิจการอย่างมีกำไรและเก็บบางส่วนไว้เป็นกำไรสะสม จะทำให้ส่วนของผู้ถือหุ้นเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ การรักษา ROE ให้อยู่ในระดับเดิม บริษัทจำเป็นต้องทำกำไรให้มากขึ้นให้เพียงพอต่อการเติบโตของส่วนผู้ถือหุ้น ตัวอย่างเช่น ถ้าส่วนผู้ถือหุ้นเพิ่มขึ้นปีละ 15% บริษัทที่ต้องการรักษา ROE ให้เท่าเดิมในปีถัดไป จำเป็นจะต้องมีผลกำไรสุทธิเพิ่มขึ้น 15% ด้วยเช่นกัน ซึ่งในความเป็นจริง ธุรกิจที่สามารถสร้างผลตอบแทนได้อย่างต่อเนื่องเช่นนี้ได้ ต้องเป็นธุรกิจที่มีความสามารถในการแข่งขันอย่างสูงมากทีเดียว
3. บริษัทที่เพิ่งออกจากหมวดฟื้นฟูกิจการหรือไม่?
บางบริษัทอาจจะมี ROE เพิ่มสูงขึ้นได้ในระยะเวลาอันสั้น โดยเฉพาะบริษัทที่เพิ่งออกจากหมวดฟื้นฟูกิจการ สาเหตุเนื่องมาจากการปรับโครงสร้างหนี้ โดยผลการดำเนินงานเปลี่ยนจากการขาดทุนในอดีตมาเป็นทำกำไรได้ในปีปัจจุบัน ทำให้ ROE เพิ่มสูงขึ้นทันทีได้
4. บริษัทอยู่ในอุตสาหกรรมวัฏจักรหรือไม่?
บริษัทที่อยู่ในอุตสาหกรรมที่มีลักษณะเป็นวัฏจักร (Cyclical) เช่น วัสดุก่อสร้าง ปิโตรเคมี เหล็ก หรือ ผลิตภัณฑ์การเกษตร บางปีบริษัทจะมีผลกำไรตกต่ำเพราะส่วนใหญ่แล้วราคาและต้นทุนของกิจการเหล่านั้น จะถูกกำหนดจากอุปสงค์และอุปทานของสินค้ามากกว่าที่จะถูกกำหนดโดยบริษัท ถ้าปีใดราคาสินค้าลดลงก็จะทำให้บริษัทมี ROE ในปีนั้นต่ำไปด้วย แต่บางปีอาจจะเป็นขาขึ้นของอุตสาหกรรมนั้นๆ ทำให้บริษัทมีผลการดำเนินงานดี และมีกำไรสูงขึ้น ผลพลอยได้ก็คือทำให้ ROE ของบริษัทในปีนั้นสูงตามขึ้นไปด้วย
5. บริษัทเร่งจ่ายเงินปันผลมากๆ
ดูเหมือนจะดีใช่มั๊ยครับ? แต่ก็ไม่เสมอไป บางบริษัทอยู่ในอุตสาหกรรมที่ไม่เติบโตอีกแล้ว เลยเลือกที่จะปันผลออกไปมากๆ เพื่อให้สัดส่วนของกำไรสะสมลดลงน้อยลง ซึ่งอาจทำให้ ROE ดูสูงขึ้นทั้งๆที่โอกาสเติบโตในอนาคตเริ่มถดถอย
คราวนี้รู้กันแล้วนะครับ จะได้ไม่หน้ามืดซื้อหุ้น ROE สูงโดยไม่ดูให้ครบทุกมุมซะก่อน