ถ้ามีคนมาเชิญชวนคุณเข้าไปลงทุนในกองทุนของเขา (ซึ่งอาจจะโฆษณาว่ารันด้วย EA, Bot, หรืออะไรก็แล้วแต่) พร้อมกับโชว์กราฟผลการลงทุนที่เกิดขึ้นจริงในช่วง 1 ปีที่ผ่านมาให้คุณดูดังภาพต่อไปนี้
คุณผู้อ่านเห็นกราฟข้างบนแล้วรู้สึกอย่างไรบ้างครับ? ในช่วงเวลาเพียงปีเดียว ระบบดังกล่าวสามารถเสกผลตอบแทนได้สูงถึง 200% แม้ว่าจะมี Drawdown ที่หนักหน่วงบ้าง แต่ก็สามารถกู้กลับคืนมาได้ในระยะเวลาอันสั้น แน่นอนว่าการลงทุนที่ได้ผลตอบแทนสูงต้องมากับความเสี่ยงที่สูง ดังนั้นเรื่องนี้ก็น่าจะเป็นเรื่องปกติ
หลายๆ คนอาจจะถึงขั้นคิดว่าเราได้เจอสุดยอดระบบการลงทุนที่จะเปลี่ยนให้เราเป็นเศรษฐีเข้าให้แล้ว!
กราฟดังกล่าวเป็นกราฟที่สร้างมาจากข้อมูลราคาจริงๆ แต่สิ่งที่ผมลืมบอกท่านผู้อ่านไปก็คือ ระบบการลงทุนนี้ไม่มีอะไรซับซ้อนเลย
ไม่มีเลยจริงๆ
เพราะทุกๆ การเทรดที่เกิดขึ้น เกิดจากการ “เดาสุ่ม” ล้วนๆ ว่าตลาดจะเคลื่อนไปในทางใด
และไม่ใช่แค่เดาสุ่มธรรมดาด้วย แต่เป็นการเดาสุ่มที่มีโอกาสถูกเพียง 50%
พูดง่ายๆ คือ ตัวผมเอง ในฐานะผู้จัดการกองทุนนี้ แค่นั่งกระดิกนิ้วโยนเหรียญไปวันๆ ถ้าออกหัว ผมจะเปิด Long ถ้าออกก้อย ผมจะเปิด Short แล้วเซ็ท Take Profit และ Stop Loss ไว้ที่ราวๆ 1% รอจนกว่า Position จะชน TP หรือ SL แล้วผมก็โยนเหรียญเข้าลูปเดิมอีกครั้งหนึ่ง
พร้อมๆ กับกล่าวคำอธิษฐานในใจเงียบๆ ตัวคนเดียว ขอให้ปาร์ตี้นี้ยังไม่มาถึงวันเลิกรา…
กลยุทธ์การลงทุน (การพนัน?) แบบ Martingale
กลยุทธ์แบบ Martingale นั้นไม่ใช่อะไรใหม่เลยแม้แต่น้อย แต่เดิมแล้ว กลยุทธ์นี้ถูกคิดค้นและแพร่หลายในวงการพนันมาตั้งแต่ศตวรรษที่ 18 ระบบการวางเดิมพันแบบ Martingale นั้นเรียบง่ายมาก นักพนันเพียงแค่ลงเงินเพิ่มเป็น 2 เท่า ทุกๆ ครั้งที่เขาเสียเดิมพัน ด้วยการลงเงินลักษณะนี้ นักพนันจะได้เงินที่เสียไปทั้งหมดกลับมา (พร้อมกำไรอีกส่วนหนึ่ง) ในการชนะเพียงครั้งเดียว ดังตัวอย่างที่แสดงในตารางต่อไปนี้
สังเกตว่าทุกครั้งที่นักพนันชนะ เขาจะได้กำไรกลับคืนมา 1,000 บาทเสมอ ไม่ว่าที่ผ่านมาจะแพ้ไปกี่รอบก็ตาม
ข้อดีของระบบนี้คือ มันเรียบง่ายมากๆ และในทางทฤษฎีแล้ว มันก็การันตีว่าคุณจะได้เงินกำไร 1,000 บาทนั่นอย่างแน่นอน ไม่ว่าเกมนั้นจะมีโอกาสชนะต่ำเตี้ยเรี่ยดินเพียงใดก็ตาม
อย่างที่เห็นในกราฟข้างบนแล้วว่าระบบที่เดาสุ่มแบบ 50/50 ก็สามารถทำกำไรอย่างงดงามได้ เพียงนำ Martingale เข้าไปผสาน
ด้วยข้อดีของระบบดังกล่าว จึงมีคนจำนวนมากนำระบบ Martingale มาผสานเข้ากับระบบการเทรด แล้วทำการโปรโมตว่าเป็นระบบที่ไม่มีวันแพ้ ระบบที่ไม่มีการล้างพอร์ต ระบบเบิ้ลล็อต ฯลฯ
แต่ในทางปฏิบัติแล้ว ผลลัพธ์สุดท้ายของระบบ Martingale คือ การสูญเสียเงินลงทุนทั้งหมดไปอย่างแน่นอน
เพราะถ้านักพนันหรือนักลงทุนเสียเดิมพันต่อๆ กัน จำนวนเงินที่ต้องลงในครั้งถัดไปก็จะเพิ่มแบบทวีคูณ จนในที่สุดเงินก็จะหมดลง
ยกตัวอย่างให้เห็นภาพชัดเจน ถ้าคุณเริ่มเดิมพันด้วยเงิน 1,000 บาท แล้วแพ้ไป 10 ครั้ง คุณจะต้องวางเงินจำนวน 1,024,000 บาทในครั้งถัดไป เพื่อที่จะลบผลขาดทุนทั้งหมด และทำกำไรคืน 1,000 บาท ไม่รวมกับเงินจำนวน 1,023,000 บาทที่คุณเสียไปแล้วใน 10 รอบที่ผ่านมา
และถ้าแพ้อีกครั้ง คุณจะต้องวางเงิน 2,048,000 บาทในครั้งถัดไป…
อ่อ แล้วถ้าแพ้ 20 ครั้งติด ผมก็หวังว่าคุณจะมีเงินสดราวๆ พันล้านบาทมาวางเดิมพันต่อนะ
ถ้าเจ้ามือเขาจะยังใจดีอนุญาตให้คุณลงเงินเยอะขนาดนั้นล่ะนะ
แต่ผมไม่แพ้ติดๆ กัน 10 ครั้ง 20 ครั้งหรอก!!!
ทฤษฎีทางคณิตศาสตร์ก็มักจะมีสิ่งที่ขัดกับสามัญสำนึกของคนส่วนใหญ่เสมอๆ และนี่ก็เป็นหนึ่งในเรื่องที่คนส่วนใหญ่มักจะคิดผิด
หลายๆ คนมักจะคิดว่า “เฮ่ย มันออกหัวหลายรอบแล้ว ครั้งนี้มันต้องออกก้อย!” เพราะทุกคนรู้ว่าโอกาสออกหัวหรือก้อยนั้นคือ 50% ดังนั้นถ้ามันออกหัวหลายรอบแล้ว มันก็ต้องออกก้อยมาบ้างใช่ไหม เพื่อให้ค่าเฉลี่ยเป็น 50/50
แต่ถ้าเราคำนวนความน่าจะเป็นแล้ว การที่โยนเหรียญออกหัว 1,000,000 ครั้งติดกัน กับการที่โยนเหรียญแล้วออกหัวกับก้อยสลับกันไปมาจนครบ 1,000,000 ครั้งนั้นมีโอกาสเกิดขึ้นเท่ากัน!!
เคยมีศาสตราจารย์ในมหาวิทยาลัยจอร์เจียเทค ทำการทดลองโดยให้นักเรียนเลือกระหว่างโยนหัวก้อย 200 ครั้ง แล้วบันทึกผลใส่กระดาษมาส่ง หรือจะเขียนเมคใส่กระดาษขึ้นมาทั้ง 200 ครั้งเลยก็ได้ จากนั้นศาสตราจารย์จะบอกให้ว่ากระดาษแผ่นไหนมาจากการโยนเหรียญจริงๆ
ผลลัพธ์คือ เขาสามารถบอกได้อย่างแม่นยำว่าแผ่นไหนคือของจริง แผ่นไหนมั่วขึ้นมา
สาเหตุที่เป็นเช่นนั้นเพราะ มนุษย์ส่วนมากมักจะคิดว่า โอกาสที่จะโยนเหรียญได้หัวหรือก้อยติดๆ กันหลายๆ ครั้งนั้นมีน้อย ดังนั้นคำตอบที่พวกเขาปั้นขึ้นมาจึงมีแต่หัวก้อยสลับกันไปมาอย่างรวดเร็ว
เขาเพียงแค่สังเกตว่าคำตอบไหนมีหัวหรือก้อยติดต่อกันเกิน 6 ครั้ง เขาก็สามารถมั่นใจได้ว่าคำตอบนั้นมาจากการโยนเหรียญจริงๆ
เพราะถ้าคำนวนความน่าจะเป็นแล้ว เราจะพบว่าโอกาสที่ได้หัวหรือก้อยติดกัน 6 ครั้งในการโยนเหรียญ 200 ครั้งนั้น มากถึง 96.5%
ซึ่งเป็นเรื่องที่ขัดกับความรู้สึกของคนทั่วไปเป็นอย่างมาก
ยิ่งไปกว่านั้น โอกาสที่จะได้หัวหรือก้อยติดกัน 10 ครั้ง ก็มีสูงถึงราวๆ 17% เลยทีเดียว
ถือเป็นเรื่องที่น่ากลัวอย่างยิ่งที่คนส่วนใหญ่ประเมินโอกาสตรงนี้ไว้ต่ำเกินความจริงไปมาก เพราะการเล่นพนัน 200 ครั้งนั้น ใช้เวลาจริงๆ ไม่กี่ชั่วโมงเท่านั้น ดังนั้นคนที่ใช้ระบบ Martingale ก็มีโอกาสสูงถึงเกือบ 17% ที่จะหมดตูดกลับบ้าน ถ้าเขาไม่มีเงินสดสักสองสามล้านติดตัวมาด้วย
และยิ่งถ้านำมาใช้กับระบบการเทรด มันก็ยิ่งน่ากลัวขึ้นไปอีก เพราะระบบส่วนมากที่นำ Martingale ไปใช้ มักจะเป็นระบบที่เทรดค่อนข้างถี่ บอทบางตัวเทรดได้นับพันๆ ครั้งในสินทรัพย์ตัวเดียวในหนึ่งปี ถ้าสมมติว่าเทรดทุกๆ ชั่วโมง ปีนึงก็เทรดราวๆ 5,000 ครั้งเลยทีเดียว
คุณผู้อ่านคิดว่าโอกาสที่จะแพ้ติดต่อกันสัก 15 ครั้งในการเทรด 5,000 ครั้งมีเท่าไรครับ?
0%? 0.5? 1?
คำตอบคือ 14%
ยิ่งถ้าคุณรันระบบนี้สัก 10 ปี ก็มีโอกาสเกือบ 80% เลยทีเดียวที่จะได้เห็นการแพ้ 15 ครั้งติด
ถ้าคุณเริ่มเทรดไม้ละ 1,000 บาท ก็หวังว่าจะมีเงินสัก 500,000,000 บาทเพื่อจะเทรดต่อนะครับ
อ่อ เจ้ากองทุนข้างบนที่กราฟสวยๆ นั่นมีภาคต่อนะครับ อีก 3 อาทิตย์หลังจากนั้น กราฟที่ออกมาก็กลายเป็นแบบนี้แทน
ดั่งที่ฝรั่งชอบกล่าวกันว่า
“If something seems to be too good to be true, then it probably is.”
ขอให้โชคดีกับการเทรดครับ แล้วพบกันใหม่ในบทความหน้า หรือในคอร์ส Basic Python for Trading ครั้งต่อไปนะครับ