#ลงทุนแนวปัจจัยพื้นฐาน

ตลาดหุ้นในช่วงวิกฤต ย่อมผันผวนเป็นพิเศษ

โดย อธิป กีรติพิชญ์
เผยแพร่:
156 views
เรากำลังอยู่ในวิกฤตโควิด19 ที่กำลังส่งผลกระทบไปทุกภาคส่วน รวมทั้งตลาดหุ้นทั่วโลก ซึ่งแน่นอนว่า ตลาดหุ้นไทยก็โดนผลกระทบไปไม่น้อย 
 
ตลาดหุ้นไทย เปิดปี 2562 ที่ดัชนี 1580 จุด ผ่านขาลงสู่วิกฤตที่สุดในช่วงเดือนมีนาคม ตลาดหุ้นจมลึกลงไปต่ำสุดถึง 970 จุด (ภายในวัน) ในช่วงกลางเดือนมีนาคม หลังจากนั้นตลาดหลักทรัพย์ก็ได้ปรับเกณฑ์ Circuit Breaker รวมทั้ง Ceiling และ Floor ตลาดหุ้นไทยจึงพอมีเสถียรภาพขึ้น ยืนได้ที่ระดับประมาณ 1050 จุด และเมื่อเข้าสู่กลางเดือนเมษายน SET Index ก็กลับเป็นขาขึ้นตลอดทาง มายืนเหนือ 1200 จุดได้ หลังจากที่หลุด 1200 จุดตั้งแต่ 12 มี.ค.63 เป็นต้นมา 
 
ตลาดหุ้นไทยได้แรงหนุนซื้อจากนักลงทุนสถาบันในประเทศ โดยทยอยซื้อหุ้นกลับแต่แรงซื้อยังมีไม่มาก น่าจะเป็นข้อจำกัดจากเม็ดเงินในมือสถาบัน เพราะกองทุน LTF เดิมที่ยกเลิกไป กองทุน SSF เฉพาะกิจใหม่ยังไม่เติมเข้ามา จึงซื้อสุทธิได้เพียง 3.2 หมื่นล้านบาท (ถึงวันที่ 16 เม.ย. 63) ในขณะที่นักลงทุนต่างชาติขายหุ้นไทยไม่หยุด Year to Date ขายไปมากมายถึง 1.42 แสนล้านบาท  
 
ตลาดหุ้นในช่วงวิกฤต ที่เคยลงแรงและกระแทกลึกสุด -38% ในเวลาไม่ถึง 3 เดือน ย่อมผันผวนเป็นพิเศษ เราไม่สามารถฟันธงได้ว่าตลาดหุ้นจะยืนเหนือ 1200 จุดได้อย่างแข็งแรง เพราะระหว่างทางจากนี้ไป ข่าวร้ายจะเข้ามาเป็นระยะๆ ไม่ว่าจะเป็นตัวเลขผู้ติดเชื้อโควิด ตัวเลข GDP ที่ถดถอย หรือผลประกอบการที่อ่อนแอของกิจการ
 
ในช่วงเวลาเช่นนี้ การจัดพอร์ตเลือกกลุ่มยังคงเป็นประเด็นสำคัญ เนื่องจากตลาดอาจจะยังไม่เป็นขาขึ้น อาจแค่ฟื้นตัวในกรอบระยะเวลาสั้นๆ นักลงทุนจึงควรถือเงินสดไว้บ้างบางส่วนเสมอ เพื่อเป็นกระสุนดินดำหากหุ้นพลิกกลับเป็นขาลงอีกครั้ง ถ้าไล่เรียงไปตามกลุ่มหลักๆ ทุกกลุ่มต่างก็มีประเด็นค้างคา (Overhang) ทั้งสิ้น 
 
กลุ่มธนาคาร โดยธรรมชาติผูกติดกับสภาพเศรษฐกิจในประเทศ ถ้าเศรษฐกิจดูไม่ดี ยอดการปล่อยสินเชื่อ และการเติบโตธุรกิจจะไม่ดี แถมลูกหนี้ ก็มีความเสี่ยงเป็น NPL จึงเป็นกลุ่มที่มีความเสี่ยงค่อนข้างสูง 
 
กลุ่มอสังหาฯที่อยู่อาศัย แม้ราคาถูกลงมามาก ซึมซับข่าวร้ายมามาก ในเชิง Valuation ก็ให้ผลตอบแทนด้านเงินปันผลที่น่าสนใจ แต่ในเชิง Business Outlook ดูมีความเสี่ยงสูง สินค้าที่ลูกค้าต้องก่อหนี้ก้อนใหญ่เพื่อมาซื้อ อาจจะไปได้ไม่ดี ในยุคเศรษฐกิจที่ถดถอย 
 
กลุ่มห้างสรรพสินค้า ราคาหุ้นลงมาเยอะในช่วงปลายเดือนมีนาคม จากประกาศมาตรการปิดห้าง ทำให้หุ้นห้าง CPN, HMPRO, GLOBAL, CRC ฯลฯ ราคาต่างก็ปรับตัวลงอย่างมีนัยสำคัญ ผมคิดว่าหุ้นกลุ่มนี้รอการประกาศปลดล็อคมาตรการปิดห้าง ที่มาตรการจะหมดอายุในวันที่ 30 เม.ย. นี้ หากไม่มีการต่ออายุมาตรการออกไป (ปิดห้างต่อ) นี่น่าจะเป็นประเด็นเชิงบวกที่น่าจะทำให้ Sentiment การลงทุนดีขึ้น อย่างไรก็ตาม ในระยะเวลา 6-12 เดือนข้างหน้า ธุรกิจห้างสรรพสินค้ายังมีความท้าทายอย่างสูง ในเรื่องกำลังซื้อคนในประเทศ และสภาวะเศรษฐกิจไทย  
 
กลุ่มน้ำมัน การประชุม OPEC+ พยายามตกลงกันเรื่องการลด supply การผลิต ซึ่งน่าจะตกลงกันได้ที่ระดับ 10 ล้านบาร์เรลต่อวัน ซึ่งอาจจะไม่มีผลต่อราคาน้ำมันโลกมากนัก เพราะความต้องการใช้น้ำมันโลก น่าจะลดลงมากกว่าที่ประกาศลดกำลังการผลิตเสียอีก เพราะการเดินทางทางอากาศอย่างน้ำมันเครื่องบิน ความต้องการแทบจะหายไปจากโลก หรือแม้แต่น้ำมันรถยนต์ ก็ลดลงมหาศาลจากมาตรการ lockdown และ Work from Home ทั่วโลก 
 
นอกจากนี้ นักลงทุนอาจจะให้น้ำหนักกับหุ้นที่จะเป็นเป้าหมายของกองทุน หรือนักลงทุนต่างชาติ ที่จะกลับเข้ามาซื้อหุ้นไทย ซึ่งควรเป็นหุ้น Big Cap และอยู่ใน Thailand Sustainability Investment หรือ หุ้นยั่งยืน ซึ่งทำธุรกิจที่ไม่ถูกโควิดมากระทบมากนัก เช่น ไฟฟ้า ประปา โทรศัพท์ เป็นต้น
 
 สรุปแล้ว ในวิกฤตโควิด หุ้นหลายกลุ่มยังคงมีความเสี่ยงอยู่ ซึ่งตลาดหุ้นก็ได้ชดเชยความเสี่ยงที่นักลงทุนต้องแบกรับ ด้วยราคาหุ้นที่ลดราคาลงมาระดับหนึ่ง  เราควรทยอยลงทุนอย่างมีสติ ไม่ทุ่มหมดตัว แต่ก็ไม่กลัวจนเกินไป และได้ใช้ประโยชน์จากวิกฤตนี้ เพื่อการลงทุนอย่างเต็มที่

เจ้าของหนังสือ Best Seller “ติวหุ้น รวยด้วยวีไอ” และยังเป็นวิทยากรคอร์ส “ลงทุนแนวปัจจัยพื้นฐานแบบ Value/Growth Investor” ด้วยประสบการณ์ในตลาดทุนกว่า 17 ปี และประสบการณ์ในการเป็นติวเตอร์ บวกกับความเป็นคนอารมณ์ขัน  ทำให้คุณนิ้วโป้งสามารถถ่ายทอดเรื่องยาก อย่างการลงทุน ให้เข้าใจได้ง่าย และยังใช้ภาษา ลีลาที่มีเอกลักษณ์น่าสนใจอย่างยิ่ง จึงทำให้ได้รับเชิญไปบรรยายในงานต่างๆ มากมาย

Facebook

บทความอื่น ๆ ที่เกี่ยวข้อง