"พี่ครับ เราตกรถรึยังครับ"
SET +76 จุด ดันดัชนีทะลุ 1,200 จุดขึ้นมา ทำให้หลายคนถามกันเยอะว่า
"นี่เราตกรถแล้วใช่มั้ย"
"เราผ่านจุดต่ำสุดมาแล้วใช่มั้ย"
เราต้องเข้าใจแบบนี้ครับว่า ตลาดหุ้นรอบนี้ ตกหนักแบบไม่คาดคิดกันมาก่อนจากโรคระบาดลุกลามไปทั้งโลก ผสมกับสงครามน้ำมัน และการที่นักลงทุนโดน force sell ลงมา กราฟไม่สวย พื้นฐานเศรษฐกิจขาดตัวเร่งที่เด่นชัด ผสมผสานกันทำให้ตลาดร่วงหนักไปถึง 969 จุด
แต่พอเริ่มมีมาตรการภาครัฐจากหลายประเทศขนอาวุธออกมาทั้งกองทัพ เปิดสูตรอมตะ มีเท่าไหร่ใส่หมดทั้งดอกเบี้ย ตราสารหนี้ละหุ้น บวกกับมีการควบคุม short sell ร่วมด้วย ทำให้ตลาดเริ่มดื้อไม่ยอมลงทั้งๆ ที่ตัวเลขผู้ติดเชื้อเพิ่มขึ้นทุกวันจนทะลุหลักล้านรายเข้าไปแล้ว
พอมาถึงวันที่เริ่มเห็นตัวเลขผู้ติดเชื้อลดลงในหลายประเทศพร้อมๆ กัน (บวกกับการที่เห็นคนจีนคุมอยู่ คนออกมาเที่ยวกัน) และน้ำมันรอเจรจาปลายสัปดาห์ ตลาดหุ้นเลยบวกขึ้นมาเยอะมากในวันนี้ด้วยโวลุ่มเฉียดแสนล้านบาท
ตอบคำถามที่ว่า เราอาจจะตกรถถ้า
เราคุม COVID-19 อยู่ ผู้ติดเชื้อลดลงเรื่อยๆ และมาตรการภาครัฐที่กระตุ้นเศรษฐกิจออกมาใช้ได้ผล และเพียงพอกับความต้องการ เท่าที่ดูระดับ 10% GDP ก็เยอะมากแล้วนะ
แต่เราจะไม่ตกรถถ้า
1. COVID-19 ยังไม่จบ กลับมาพีคอีกรอบ หรือเกิดรอบสองที่จีนหลังจะเปิดเมือง
2. น้ำมันคุยกันไม่รู้เรื่อง โทษกันไปมา ไม่ยอมกันและยืดเยื้อยาวนาน
3. ภาคเศรษฐกิจจริงแย่กว่าคาด คนตกงานกันเยอะ งบ Q1, Q2 ออกมาแย่กว่าที่คาด กำลังซื้อจะหายไป
4. ประเด็นอื่นที่เรายังมองข้ามไป เช่น ภัยแล้ง ภาระหนี้ภาคประชาชน พฤติกรรมที่เปลี่ยนไปหลังกลับมาทำงานแบบปกติ หรือนักท่องเที่ยวกลับมาช้ากว่าที่คิด
บางทีเราอาจไม่จำเป็นต้องถามก็ได้ว่า "เราตกรถหรือยัง"
สิ่งที่เราควรถามมากกว่าคือ เราเห็นรถหลายคันที่วิ่งกลับเข้าป้ายมา มันเริ่มวิ่งออกไป ช้าบ้าง เร็วบ้าง แล้วแต่คัน เราจะทำยังไงดี
- รีบวิ่งตาม แต่ต้องระวังหกล้ม หรือต้องจ่ายค่าตั๋วแพงเพราะขึ้นกลางทาง
- ไม่ต้องรีบมาก รอรถติดไฟแดงหรือวนกลับมารับแล้วค่อยขึ้น
- หาคันใหม่ที่ดูน่าสนใจ ดูปลอดภัย ขึ้นคันนั้นดีกว่า
สิ่งสำคัญกว่า การตกรถ คือ การไม่ยอมขึ้นรถซักคัน แล้วปล่อยมันจากไป
แต่ขอให้รักษาระยะห่างเพื่อความปลอดภัย อย่าเบียดกันขึ้นรถ
ให้ทำ Doi Distancing กันเยอะๆ แล้วทุกคนจะกำไรในระยะยาว
ขอให้ทุกคนโชคดี แล้วพาพี่ขึ้นรถด้วยครับ