ย้อนไปเมื่อหลายปีก่อน ปู่ไม่ชอบธุรกิจสายการบินเพราะว่า มีการแข่งขันสูง ต้นทุนคงที่สูง และอ่อนไหวต่อสภาวะแวดล้อม เช่น ก่อการร้าย โรคระบาด แต่เมื่อประมาณปี 2016 ปู่ก็ซื้อหุ้นสายการบินหลายสายเลยเข้าพอร์ต
บ้างก็บอกว่า ปู่อาจจะมองเรื่องราคาน้ำมันที่ลดลง การแข่งขันที่น้อยลงจากการรวมกิจการกันเข้ามา การเดินทางกันมากขึ้น หรือบางคนก็บอกว่า เป็นทีมงานของปู่อย่าง Todd Combs และ Ted Weschlerที่มีส่วนตัดสินใจ
พอมาปลายเดือนกุมภาพันธ์ปี 2020 ปู่ก็ซื้อหุ้น Delta Air Lines เพิ่มที่ราคา $46.40 แต่เวลาผ่านไปไม่นาน เมื่ออาทิตย์ที่แล้ว ปู่ก็ขายหุ้น Delta ออกมาส่วนนึงที่ราคา $24.2 และก็ขายบางส่วนของหุ้น Southwest Airlines ด้วยเช่นกัน
ปู่เคยบอกเหตุผลว่า เวลาที่เขาจะขายหุ้น คือ
1. เมื่อมองเห็นโอกาสใหม่ที่ดีกว่า แต่ก็เกิดไม่บ่อยเพราะว่า Berkshire ถือเงินสดค่อนข้างเยอะ
2. เมื่อพื้นฐานบริษัทเปลี่ยน หรือภาพการแข่งขันในอุตสาหกรรมเปลี่ยน
รอบนี้ เรายังไม่ทราบถึงเหตุผลว่าทำไมถึงลดพอร์ต และยอมขายขาดทุน Delta ออกมา ไม่แน่ใจว่าเป็นเพราะ Delta ได้รับผลกระทบหนักจาก COVID-19 หรือเปล่า ที่ผู้บริหารสายการบินก็บอกว่า ยอดขายอาจหายไป 90% ใน Q2 เพราะว่าผู้โดยสารลดลงจาก 600,000 คน เหลือ 38,000 คน ในช่วงเวลานี้ มากกว่า 115,000 เที่ยวบินยกเลิก
แต่ปู่เองก็ยังขายไม่หมดพอร์ต อาจจะทยอยลดไปตามสถานาการณ์ หรืออาจจะทำ SAP ถ้าราคาลงมาก เรื่องนี้ก็ต้องติดตามกันต่อไป
แต่นิทานเรื่องนี้ของปู่สอนให้พวกเรารู้จักหลักการ VI มากขึ้นว่า
1. เมื่อสถานการณ์เปลี่ยน ปัจจัยเปลี่ยน หุ้นที่เราไม่ชอบวันนึง เราก็อาจจะมองว่าดีได้ หรือพอเวลาผ่านไปอีกก็อาจจะไม่ดีอีกก็ได้ คือ หุ้นหรือบริษัทไม่ได้ดีหรือแย่ตลอดเวลา
2. ถ้าพื้นฐานเปลี่ยน หรือตัดสินใจผิด ก็ขายหุ้นได้ หรือลดพอร์ตได้ (รอบนี้ปู่อาจจะบอกว่า เดี๋ยวซ้อนแผนซื้อคืนถ้าราคาลงมาเยอะ อันนี้ก็ไม่รู้นะ)
เพราะฉะนั้น สำหรับบางคนที่คิดว่า
ขอหุ้นซักตัว ที่ซื้อแล้ว ถือลืม เก็บไว้ยาวๆ 10 ปี
บางทีอาจไม่ดีเสมอไปก็ได้นะครับ