#ข่าวหุ้นธุรกิจการลงทุน

สถานการณ์ในสหรัฐ น่าวิตกกังวลมาก

โดย วัฒนา ชื่นจิตรวงษา
เผยแพร่:
110 views

สถานการณ์ Covid-19 ในสหรัฐมีความน่ากังวลอย่างมาก โดยตัวเลขผู้ติดเชื้อพุ่งสูงเกิน 2 แสนแล้ว ในขณะที่ผู้เสียชีวิตต่อวันก็เฉียด 1 พันคน


สหรัฐเลือกใช้วิธีตรวจให้ได้มากที่สุด เพื่อตรวจหาผู้ติดเชื้อ ซึ่งตัวเลขเมื่อวานนี้ สหรัฐมีการตรวจเชื้อไปแล้วมากกว่า 1 ล้านตัวอย่าง


ปธน. ทรัมป์ ออกมากล่าวยอมรับว่าตัวเขาได้ประเมินเชื้อไวรัสนี้ต่ำเกินไปในทีแรก และยืนยันกับประชาชนสหรัฐว่า มันเป็นโรคติดต่อที่รุนแรง โดยเขายังบอกอีกว่า เขายังไม่เคยเห็นเหตุการณ์ที่มีผู้ป่วยมากมายในเวลาพร้อมๆกันแบบนี้มาก่อน


หากเราดูการรายงานข่าวของสื่อต่างๆในสหรัฐ ก็จะรู้เลยว่า ตอนนี้เรื่องเศรษฐกิจกลายเป็นเรื่องรองไปเสียแล้ว เพราะเรื่องที่สำคัญมากที่สุดในเวลานี้คือเรื่องการแพร่ระบาดของโรค Covid-19


ดูเหมือนในเวลานี้ สิ่งที่่ผู้นำอย่างทรัมป์ เลือกที่จะทำก็คือ การ "พูดความจริง" กับประชาชนให้มากที่สุด โดยสิ่งที่ทำให้ทรัมป์เปลี่ยนท่าทีอย่างมาก ก็คงมาจากแบบจำลองการติดเชื้อที่มีการทำขึ้น (ซึ่งก็คือรูปแบบเดียวกันกับที่กลุ่มคณบดีคณะแพทย์ได้ทำแล้วโดนผู้คนบางกลุ่มกล่าวว่าเป็นตัวเลขที่เกินจริงนั่นล่ะ)


จากตัวเลขคาดการณ์ ผู้เสียชีวิตในสหรัฐจาก Covid-19 จะอยู่ระหว่าง 1 แสน - 2.5 แสนคน


ทรัมป์ไม่ปฏิเสธตัวเลขดังกล่าว และสื่อสารให้ประชาชนได้ทราบถึงตัวเลขจากแบบจำลอง พร้อมกับให้ประชาชนเตรียมใจยอมรับกับความสูญเสียในระดับดังกล่าว และบอกด้วยว่า ช่วงเวลา 2 สัปดาห์นับจากนี้จะเป็นช่วงเวลาที่ยากลำบากที่สุดของชาวอเมริกัน


ทรัมป์บอกว่าจะไม่มีการประกาศปิดเมืองทั่วประเทศ เพราะเขามองว่า สถานการณ์ในแต่ละรัฐนั้นมีความรุนแรงที่แตกต่างกัน โดยเขาให้เป็นอำนาจของผู้ว่าการรัฐเป็นคนตัดสินใจในเรื่องดังกล่าว


สิ่งที่น่ากลัวที่สุดเวลานี้ก็คือ capacity ทางการแพทย์ในหลายๆรัฐ เริ่มจะเต็มแล้ว โดยเฉพาะอุปกรณ์ป้องกัน เครื่องไม้เครื่องมือต่างๆ ส่วนใหญ่จะเพียงพอถึงแค่ราวกลางเดือนเมษายนเท่านั้น


สต็อกจากส่วนกลางล็อตสุดท้ายก็ได้ส่งออกจากคลังไปเป็นที่เรียบร้อย


มีการประเมินว่า ยอดผู้เสียชีวิตต่อวันในสหรัฐจะพุ่งสู่ 2 พันรายในไม่ช้า และจุด peak ของสถานการณ์ Covid-19 ในสหรัฐจะอยู่ในช่วงกลางเดือนพฤษภาคม


ขณะนี้สหรัฐกำลังพูดคุยกันอยู่ว่า จำเป็นจะต้องเปลี่ยนนโยบายเกี่ยวกับเรื่องการสวมหน้ากากอนามัยหรือไม่?


เราจะต่อว่าประเทศในแถบซีกโลกตะวันตกคงจะไม่ได้ในเรื่องนี้ เพราะวิถีปฏิบัติมันแตกต่างกันก่อนหน้านี้ และที่สำคัญก็คือ WHO ก็ออกมายืนยันเรื่องนี้อยู่ตลอดเวลาว่า หน้ากากอนามัยนั้นให้เฉพาะผู้ป่วยสวม


แต่ที่สหรัฐกำลังตัดสินใจว่าจะแหกคำแนะนำของ WHO หรือไม่ก็เพราะว่า มีการเก็บตัวเลขสถิติของผู้ติดเชื้อ Covid-19 ของประเทศ Iceland ซึ่งพบว่า มีผู้ติดเชื้อถึง 50% ที่ไม่แสดงอาการอะไรเลย แต่พร้อมจะแพร่เชื้อตลอดเวลา


ในสหรัฐก็มีการประเมินว่า ตัวเลขผู้ติดเชื้อที่ไม่แสดงอาการ แต่แพร่เชื้อได้นั้น สูงถึง 25%


แต่ปัญหาเรื่องหน้ากากอนามัยในสหรัฐตอนนี้ก็คือ หน้ากากทั้งหมดถูกส่งให้กับกลุ่มบุคลากรทางสาธารณสุข เพราะถือเป็น first priority


หากจะมีการรณรงค์ให้ประชาชนใส่หน้ากาก ก็จะทำได้เฉพาะหากมีหน้ากากเหลือจากที่จัดสรรให้กับบุคลากรทางสาธารณสุขเท่านั้น ซึ่งบอกได้เลยว่า "ยาก"


ดังนั้น ปัญหาเรื่องหน้ากากอนามัยนั้น เป็นปัญหากันทั่วโลก คนไทยก็เช่นกัน ใส่หน้ากากผ้ากันดีกว่า หน้ากากอนามัยนั้นควรให้ถึงมือแพทย์และพยาบาลทั้งหมดเป็นอันดับแรก เพราะเขาเสี่ยงมากกว่าเราเยอะ


ประเด็น "ผู้ติดเชื้อที่ไม่แสดงอาการ" (asymptomatic) นี้เป็นเรื่องที่หลายประเทศเริ่มหันมาให้ความสนใจ โดยเฉพาะในจีน ซึ่งตั้งแต่เมื่อวานนี้เป็นต้นมา จีนจะนับผู้ติดเชื้อที่ไม่แสดงอาการ รวมในตัวเลขผู้ติดเชื้อด้วย (ก่อนหน้านี้ไม่ได้รวม)


เพราะตอนนี้เริ่มมีจำนวนผู้ติดเชื้อเพิ่มขึ้นในจีน ซึ่งพิสูจน์ได้ว่า เกิดจากแพร่จากกลุ่มผู้ติดเชื้อที่ไม่แสดงอาการนี่ล่ะ


ขณะที่ของไทยเรา สาธารณสุขยืนยันมาโดยตลอดว่า ผู้ติดเชื้อหากไม่แสดงอาการ แทบจะไม่มีโอกาสแพร่กระจายเชื้อเลย ตรงนี้คงต้องมาดูกันว่า ไทยจะยังคงยืนกรานเช่นนี้ และยอมปล่อยให้ผู้ติดเชื้อที่ไม่แสดงอาการเดินกันไปมาเพราะไม่มีนโยบายการหว่านแหตรวจต่อไปหรือไม่


เคยมีนักวิจัยได้ทำการตรวจปริมาณไวรัสจากสารคัดหลั่งในลำคอของผู้ติดเชื้อ ปรากฎว่า ปริมาณไวรัลโหลดนั้นสูงมาก จนเขาสรุปว่า ถ้าปริมาณไวรัลโหลดขนาดนี้ ไม่จำเป็นต้องไอหรือจามหรอก แค่พูดดังๆ เชื้อก็แพร่กระจายได้แล้ว เพียงแต่ว่าตัวอย่างที่นำไปตรวจมันไม่ได้มากพอที่จะฟันธงได้ร้อยเปอร์เซนต์เท่านั้นเอง


ยังไงช่วง 2 สัปดาห์นี้ ต้องติดตามสถานการณ์ในสหรัฐอย่างใกล้ชิด เพราะตลาดหุ้นสหรัฐน่าจะแปรผันตามความรุนแรงของสถานการณ์การแพร่ระบาดของ Covid-19 เป็นหลัก


เจ้าของเพจ Wattana Stock Page นักลงทุนต้นแบบในการเจาะลึกข้อมูลอย่างจริงจัง ก่อนจะเข้าไปลงทุนในบริษัทหนึ่งๆ 

FB: Wattana Stock Page

Facebook

บทความอื่น ๆ ที่เกี่ยวข้อง