ไม่น่าเชื่อว่าเงินริงกิตของมาเลเซีย จะกลายเป็นเงินที่ด้อยค่าลงมากที่สุดในโลกเมื่อเทียบกับดอลล่าร์ โดยอ่อนค่าลงไปถึง 40% ในปีที่ผ่านมา! นับเป็นการอ่อนตัวที่รุนแรงมากสุด รุนแรงกว่าเมื่อปลายปี 2540 สมัยวิกฤตเศรษฐกิจในอาเซียนเมื่อเกือบ 20 ปีที่แล้วเสียอีก
เพราะอะไร? แล้วในวิกฤตแบบนี้จะมีโอกาสหรือไม่?
มาดูกันลึกๆครับ
สถานะการณ์ตอนนี้คือ:
- หนี้ครัวเรือนมาเลเซีย เพิ่มขึ้นเกือบสองเท่า เป็น 86% ของจีดีพี ในขณะที่ในปี 2540 อยู่ที่ 46% เท่านั้น
- หนี้ในภาครัฐสูงขึ้นมาก โดยอยู่ที่ 54% ของจีดีพี เพิ่มจาก 31% ในปี 2540
- น้ำมันปาล์มซึ่งมีสัดส่วนประมาณ 8% ของการส่งออกของมาเลเซีย ราคาในตลาดโลกกำลังลดลงอย่างรวดเร็ว ยิ่งแย่ไปกว่านั้น การขายน้ำมันปาล์มปัจจุบันอยู่ในรูปเงินริงกิตเป็นส่วนใหญ่ ซึ่งหมายถึงว่า การอ่อนตัวของเงินริงกิตไม่ทำให้ตัวเลขการค้าของประเทศดีขึ้น
- ปิโตรนาส (PETRONAS) ซึ่งเป็นบริษัทน้ำมันที่ใหญ่ที่สุดในประเทศ และถือหุ้นใหญ่โดยรัฐบาล ได้รับผลกระทบอย่างหนักจากราคาน้ำมันโลกที่ลดลง ส่งผลให้รายได้ที่ส่งเข้ากระทรวงการคลัง หดหายไปเป็นอย่างมาก
- เงินเฟ้อในประเทศเริ่มพุ่ง เพราะว่าราคาอาหารสูงขึ้นเนื่องจากเงินอ่อนกระทบต่อราคานำเข้า
- เรื่องอื้อฉาว กองทุน วันมาเลเซีย ดีเวลล้อปเมนต์ เบอร์ฮัด (1MDB) (ประมาณคล้ายๆกับกองทุนวายุภักษ์บ้านเรา) ถูกกล่าวหาว่ามีการตรวจสอบบัญชีปลอม มีหนี้จำนวนมาก และมีการฉ้อโกงทางการเงิน โดยในเดือนกรกฎาคมที่ผ่านมารายงานของ วอลล์ สตรีท เจอร์นัล กล่าวหาว่าเงินจากกองทุนเกือบ 700 ล้านดอลลาร์ได้เข้าไปยังบัญชีส่วนตัวของนายกรัฐมนตรี นาจิบ ราซัก
- เมื่อการเมืองไม่นิ่ง ศรัทธาต่อนายกรัฐมนตรีสั่นคลอน รัฐบาลก็ไม่สามารถที่จะเร่งออกนโยบายกระตุ้นเศรษฐกิจได้ ทำให้ทุกอย่างยิ่งหยุดชะงัก
ดูเหมือนนี่ยังไม่ถึงก้นเหวซะด้วย! ทุกอย่างยังอาจจะเลวร้ายมากไปกว่านี้อีก ซึ่งก็มีความเป็นไปได้ว่าวิกฤติครั้งนี้สำหรับมาเลเซีย อาจจะรุนแรงไม่แพ้ที่ประเทศไทยโดนเมื่อครั้งต้มยำกุ้ง 17 ปีที่แล้ว
แต่ถ้าเป็นนักลงทุนแนว VI แล้ว เชื่อว่าหลายคนคงมองตลาดหุ้นมาเลเซียตาไม่กระพริบเลยทีเดียว และอาจรอเวลาให้ถึงก้นเหว โดยเฉพาะหุ้นพื่้นฐานดีๆ เพราะเมื่อหลังจากที่เหตุการณ์อันเลวร้ายนี้ได้ผ่านพ้นไป เศรษฐกิจมาเลเซียก็น่าที่จะค่อยๆฟื้นตัวได้พร้อมๆกับราคาหุ้น
ใครจะรู้? อาจมีคนมาเลเซียจำนวนหยิบมือหนึ่ง แจ้งเกิดในฐานะเป็น “VI มาเลเซีย” ก็เป็นได้ เช่นเดียวกับตำนาน VI ของไทยหลายๆท่านที่แจ้งเกิดหลังจากวิกฤตต้มยำกุ้งในครั้งนั้น
สำหรับนักลงทุนไทยที่สนใจจะกระจายพอร์ทไปลงต่างประเทศ ก็อย่าเพิ่งผลีผลามสวนเข้าไป ศึกษาให้ดีๆก่อน และอาจต้องหาหุ้นพื้นฐานดีให้เจอ และพร้อมที่จะถือยาวเป็นปีๆได้ครับ