หลังจากที่ไวรัสทำลายธุรกิจและเศรษฐกิจประเทศจีนอย่างหนักตั้งแต่ช่วงตรุษจีนปลายเดือนมกราคม 2563 เป็นต้นมา เชื้อไวรัสก็เริ่มแพร่ระบาดไปหลายพื้นที่ มาญี่ปุ่น เกาหลีใต้ สิงคโปร์ ไทย อิหร่าน และไปหลายๆประเทศ ดัชนีตลาดหุ้นเอเชียเริ่มปรับตัวลดลงอย่างมีนัยสำคัญ กระทั่งเริ่มระบาดไปยังยุโรป พบผู้ติดเชื้อมากขึ้นในประเทศอิตาลี ฝรั่งเศส เยอรมัน เดนมาร์ค ฯลฯ กระทั่งสร้างความเสียหายอย่างรุนแรงระดับแพนิคปิดเมือง เมื่อระบาดเข้าสู่ประเทศสหรัฐอเมริกา
สัปดาห์สุดท้ายของเดือน ก.พ.2563 เป็นสัปดาห์ที่แย่ของตลาดหุ้นไทย ดัชนีตลาดหลักทรัพย์ปรับตัวลดลง 150 จุด นักลงทุนไทยจำนวนมากก็ว่าตกใจแล้ว มาเจอสิ่งที่แย่ยิ่งกว่าในสัปดาห์ที่ 2 ของเดือนมีนาคมเข้าไปอีก ที่ดัชนีลบมากกว่า 100 จุดในวันเดียว 2 ใน 5 วันทำการ
นอกจากนี้ ยังเป็นสัปดาห์ที่ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย ต้องใช้มาตรการ Circuit Breaker ถึง 2 ครั้งในสัปดาห์เดียว (วันที่ 12 มีนาคม และ 13 มีนาคม) หยุดการซื้อขายชั่วคราว 30 นาที เพราะตลาดหุ้นปรับตัวลงแตะ -10% ถ้าเทียบกับการฝึกอะไรสักอย่างหนึ่ง เราเรียกว่ามันเป็น "สัปดาห์นรก" ก็คงไม่ผิดนัก จากต้นปีมาถึงปัจจุบัน ตลาดหุ้นไทยปรับตัวลงไปแล้วเกือบ 30%
สถานการณ์โรค COVID-19 ระบาดไปทั่วโลก ตอนเกิดขึ้นใหม่ๆ ไม่มีใครคาดคิดว่ามันจะรุนแรงถึงเพียงนี้ กระจายไปสู่คนมีชื่อเสียง นักกีฬาระดับโลก ทยอยติดเชื้อโรคระบาดนี้กันมากขึ้นเรื่อยๆ
เรื่องนี้ลากยาวกว่าที่คาดไว้ เกิน 3 เดือนเข้าไปแล้ว ไม่เฉพาะธุรกิจท่องเที่ยว สนามบิน สายการบิน โรงแรม ห้างสรรพสินค้า แต่กระทบลามไปถึงภาคการผลิต ภาคบริการ การจัดอีเวนท์ แม้แต่รายการฟุตบอลลีกยุโรป ก็ประกาศเลื่อนการแข่งขันเกือบทุกลีกแล้ว ผมไม่กล้าคิดว่า มหกรรมกีฬาโอลิมปิก 2020 ที่โตเกียว ประเทศญี่ปุ่น และ ฟุตบอลชิงแชมป์แห่งชาติยุโรป EURO 2020 หากต้องเลื่อนหรือยกเลิกไป จะส่งผลกระทบกับธุรกิจที่เกี่ยวข้องมากมายขนาดไหน ผลกระทบเชิงเศรษฐกิจ ของไวรัสโคโรน่า รุนแรงกว่า ไวรัส MERS และ SARS มากมายมหาศาล
รอบนี้กระทบไปทั่วโลก กระทั่งเกิดวิกฤติตลาดหุ้น 2020 ในระดับเดียวกับวิกฤติแฮมเบอร์เกอร์ในปี 2008 ดัชนีตลาดหุ้นทั่วโลกปรับตัวลดลงระดับ 20%-30% ภายในระยะเวลาไม่ถึง 2 เดือน
ธรรมชาติของวิกฤติ คือ ต้องคาดเดาไม่ได้ … ประเมินไว้ไม่ถึง … แย่กว่า Worst Case จนเราอึ้ง … และ มาถึงแบบไม่รู้เนื้อรู้ตัว รู้สึกตัวอีกที เราก็อยู่ท่ามกลางวิกฤติแล้ว สิ่งนี้ทำให้ดัชนีตลาดหุ้นไทย ที่แย่อยู่แล้ว ก็ยิ่งแย่ไปกันใหญ่จากนี้ไป มันจะลงไปต่อ หรือ ลงพอแค่นี้ ไม่มีใครรู้แล้ว จะคาดการณ์ไปก็เท่านั้น
ในภาคตลาดหุ้น นักลงทุนเจ็บปวด ... เศรษฐกิจในภาคจริงเรากำลังยวบ ยุบตัว อย่างน่าใจหาย อย่างไรก็ตาม ผมยังมีความเชื่ออย่างแข็งแกร่ง ว่าเมื่อถึงจุดๆหนึ่ง ไวรัสก็ต้องควบคุมได้ จะอีก 2 เดือน 4 เดือน 6 เดือน ... มิอาจรู้
แต่มันจะจบแน่ๆ พร้อมกับการกระตุ้นเศรษฐกิจอย่างบ้าคลั่ง ของรัฐบาลทั่วโลก เพื่อช่วยภาคธุรกิจ และคนในประเทศเขาอย่างเร่งด่วน ผมมี 1 คำขอ และ 1 คำถาม
1 คำขอคือ "รักษาชีวิตไว้" ท่านต้อง ตายยาก
-> ธุรกิจ ห้าง ร้าน ดึงลากให้ผ่านช่วงเลวร้าย
-> ลูกจ้าง พนักงานเอกชน ตั้งใจทำงาน ถ้าไม่มีโบนัส หรือต้องหยุดสลับ ก็กัดฟัน ผ่านไปให้ได้
-> นักลงทุน อดทน ..หุ้นลงได้ ก็ขึ้นได้ การเพิ่มจำนวนหุ้นชั้นดี เพิ่มปันผล จะแดงหน่อย ก็ต้องทนไว้ครับ ห้ามตาย
1 คำถามคือ "เมื่อไวรัสผ่านไป ....ถึงตอนนั้น เราพร้อมไหม ?"
-> เราได้หว่านเมล็ดพันธุ์ ปักกล้าชำ ของต้นไม้แห่งการเติบโต อะไรไว้ในระหว่างที่ไวรัสกำลังระบาดไหม ?
-> เราเพิ่มสกิล เพิ่มทักษะอนาคตอะไรไว้บ้างไหม ?
-> เราได้สะสมหุ้นดี ที่ราคาถูก ปันผลงาม ที่จะหาต้นทุนยอดเยี่ยมแบบนี้ไม่ได้ง่ายๆแล้ว ไว้บ้างไหม ?
ช่วงเวลาแห่งความลำบากนี้ ที่สุดจะผ่านไป จึงขอเป็นกำลังใจให้ทุกท่าน ผ่านช่วงเวลานี้ไปให้ได้
อดทน และ ฝ่าฟัน ครับ