นักลงทุนผู้ยิ่งใหญ่ของโลกที่มีชื่อติดเคียงข้างอยู่กับวอเร็น บัฟเฟตต์ คงเป็นใครไปไม่ได้นอกจากปีเตอร์ ลินซ์ ผู้บริหารกองทุนฟิเดลลิตี้ แมกเจลแลน ฟันด์ .. เป็นเรื่องที่น่าแปลกมากๆเลยนะครับที่สหรัฐอเมริกามีผู้จัดการกองทุนเป็นพันคน แต่มีไม่กี่คนเท่านั้นที่มีชื่อติดอยู่ในหอเกียรติยศของการลงทุนและปีเตอร์ ลินซ์ ก็เป็นหนึ่งในนั้นด้วยแนวคิด "การค้นหาหุ้น 10 เด้ง" และ "ลงทุนในสิ่งที่คุณรู้จัก"

 

มาวันนี้ เขาได้เกษียณตัวเองใช้ชีวิตอยู่กับครอบครัวที่เมืองบอสตันกับแคโรลีนภรรยาสุดที่รัก และลูกๆทั้ง 3 คน แมรี่ แอนนี่ และเบธ

 

ปัจจุบัน ปีเตอร์ ลินซ์ อาศัยเงินปันผลจากกองทุนฟิเดลลิตี้ แมกเจลแลนที่ตัวเองเคยลงทุนสมัยยังทำงานอยู่ที่นั้นถือนานมาจนถึงทุกวันนี้และหุ้นสามัญที่ถือในนามของภรรยา ตอนนี้ เขามีตำแหน่งเป็นรองผู้บริหารบริษัท Fidelity Management & Research Co. และบอร์ดที่ปรึกษาการลงทุนของกองทุนฟิเดลลิตี้

 

อย่างไรก็ตาม มันเป็นการยากมากที่จะเจอตัวเขาในสำนักงานใหญ่ของฟิเดลลิตี้ เพราะเขาใช้เวลาส่วนใหญ่ไปกับการบริหารมูลนิธิที่เขาก่อตั้งขึ้นมา ”Lynch Foundation” ซึ่งจุดประสงค์ของมูลนิธิ คือ มอบทุนการศึกษาให้เด็กที่ยากไร้ให้มีโอกาสได้เรียนต่อระดับ High School และมหาวิทยาลัย เขาได้มอบเงินกว่า 150 ล้านเหรียญสหรัฐ เพื่อบริจาคให้กับกองทุน Lynch Foundation และให้แคโรลีนเป็นผู้บริหารกองทุนทั้งหมด

 

เมื่อไม่นานมานี้ปีเตอร์ ลินซ์ ได้มีบรรยายให้กับนักเรียนโรงเรียน St. Charles Preparatory School เรื่องเกี่ยวกับการลงทุนตั้งแต่อายุยังน้อยมีประโยชน์อย่างไรในอนาคต เด็กๆให้การตอบรับที่ดีมากเพราะได้ยินว่าปีเตอร์ ลินซ์ เป็นผู้จัดการกองทุนที่มีชื่อเสียงและการถามคำถามก็คงไม่พ้นเรื่องหุ้นอีกเป็นแน่แท้

 

"ต่อไปพวกเธอจะกลายเป็นผู้ใหญ และปัจจัยที่ขาดไม่ได้เลยนั้นคือ เงิน  สำหรับคนที่จะใช้เงินในอีก 2-3 ปีข้างหน้า ไม่ว่าจะใช้เพื่อสร้างครอบครัวหรือเรียนต่อ ไม่ควรนำมันมาลงทุนในตลาดหุ้น การลงทุนในตลาดหุ้นใช่ว่าลงทุนวันนี้แล้วพรุ่งนี้หรือปีหน้าจะได้กำไรเลย ของแบบนี้มันต้องใช้ระยะเวลา" เขากล่าวแบบสรุป

 

และนี้ คือข้อคิดปาฐกถาสั้นๆ ที่เขามอบให้เด็กโรงเรียน  St. Charles ครับ ...

 

• ผมไม่รู้ว่าตลาดหุ้นจะเป็นอย่างไรต่อไปนับจากนี้ บางคนก็ว่าหุ้นจะลง 10% ทุกๆ 18 เดือน และบางคนก็ย้ำอีกว่าหุ้นจะลงอย่างน้อย 25% ทุกๆ 6 เดือน ผมไม่รู้ว่าอะไรจะเกิดก่อนกัน แต่ที่แน่ๆ ผมจะยังมุ่งเน้นอยู่กับการลงทุนที่ผมรู้จักและเข้าใจเป็นอย่างดี

 

• ถ้าผู้ลงทุนยังมึนงงกับการตกของตลาดหุ้น แสดงว่าพวกเขายังทำการบ้านไม่มากพอ

 

• โดยทั่วไป การตกของตลาดหุ้น 10% เราจะเรียกการตกครั้งนั้นว่า "การปรับฐาน" ซึ่งมันเป็นธรรมชาติของตลาดหุ้นอยู่แล้ว ไม่ว่าจะผ่านไปอีก 100 ปี การตกของหุ้น 10% ก็จะยังเป็นธรรมชาติของตลาดหุ้นต่อไป เห็นไหมละ! มันไม่ใช่เรื่องง่ายที่จะลงทุนในหุ้น และมันก็ไม่ใช่เรื่องยากที่จะร่ำรวยจากหุ้นเช่นเดียวกัน

 

• สิ่งสำคัญที่พวกเธอต้องรู้ คือ การวางแผนทางการเงินตั้งแต่อายุยังน้อย หุ้นทุกตัว มีธุรกิจผูกติดอยู่กับมัน ถ้าธุรกิจดี หุ้นก็จะดีด้วย จงเรียนรู้เรื่องราวของธุรกิจ

 

• หุ้นโปรดของผมในอดีต อาจจะไม่ดีแล้วก็ได้ในอนาคต อย่างเช่น บริษัทไนกี้ (ทำรองเท้า อุปกรณ์กีฬา) หรือบริษัทออราเคิล (หุ้นเทคโนโลยี ซอฟแวร์) ผมไม่สามารถบอกได้ว่า เราควรจะลงทุนใน 2 บริษัทนี้หรือเปล่า สถานการณ์จะเปลี่ยนแปลงไปเรื่อยๆ แต่ที่แน่ๆถ้าพวกเธอจะลงทุนในหุ้นสักตัว พวกเธอต้องอธิบายมันออกเป็นภาพง่ายๆที่แม้แต่เด็กก็ยังเข้าใจ​​​

​

• การตกอย่างหนักของตลาดหุ้น อาจจะทำให้พวกเธอกังวลใจ แต่เราต้องมองมันเป็นโอกาสในการเก็บหุ้นที่ดี ในราคาถูก

 

• การซื้อบ้านในอเมริกาเป็นเรื่องที่ยิ่งใหญ่สำหรับเด็กอย่างพวกเธอ มันมีราคาแพงและไม่ใช่เรื่องง่ายเลยที่จะซื้อมัน อย่างไรก็ตาม บ้านก็ถือว่าเป็นปัจจัย 4 ของมนุษย์ ทำไมพวกเธอไม่ใช้ประโยชน์จากตรงนี้ ซื้อหุ้นที่ทำเกี่ยวกับบ้านละ คนอาจจะซื้อบ้านเพียง 1 ครั้งในชีวิต แต่พวกเขาจะไม่หยุดที่จะซ่อมแซมบ้าน แต่งบ้าน แต่งครัว หรือทำห้องน้ำใหม่

 

 

สุดท้าย ลินซ์ยังเสนอแนะอีกว่า

 

"พวกเธอทำอะไรเมื่อเห็นหุ้นลงอย่างหนักในครั้งล่าสุด ... พวกเธอต้องตระหนักอยู่เสมอว่า พวกเธอกำลังทำอะไร และซื้อมันไปทำไม เหมือนที่ฉันทำเมื่อ 15 ปีที่แล้ว"

 

สรุปคือ ตอนนี้ปีเตอร์ ลินซ์  จริงๆแล้วเขาไม่ได้หายไปไหนครับ ยังคงอยู่ในวงการตลาดหุ้น บริหารกองทุน Lynch foundation เพื่อช่วยเหลือเด็กๆที่ฐานะไม่ดีได้มีโอกาสศึกษาต่อระดับมัธยมและมหาวิทยาลัย เพียงแต่เราไม่ค่อยเห็นเขาตามหน้าหนังสือพิมพ์ รวยแล้วทำประโยชน์แก่สังคมครับ