วันนี้เป็นวันประวัติศาสตร์ Circuit Breaker ครั้งที่ 4 ในตลาดหุ้นไทย
ก่อนจบลงด้วยน้ำตา ปิดตลาด -135 จุด -10.8%
แล้วในสถานการณ์แบบนี้เราควรทำยังไงดี ถ้าพูดถึงมุมมองในหุ้นเป็นหลัก (ไม่นับว่าเราอาจจะไปซื้อทอง ซื้อที่ดิน short หรือ put) และเราเชื่อว่า วิกฤตต้องมีวันสิ้นสุด การเตรียมรับมือซื้อหุ้นก็เป็นทางเลือกที่เราควรคิดไว้ก่อนล่วงหน้า
วันนี้ผมเลยอยากจะมาแชร์มุมมองว่า เราจะกระจายความเสี่ยงในการซื้อหุ้นแบบไหนได้บ้าง ตามมาเลยครับ
1. หุ้นที่ได้รับผลกระทบโดยตรงจากเหตุการณ์ทั้ง COVID-19 และน้ำมัน
- สนามบิน >> AOT
- โรงแรม >> MINT, CENTEL, ERW, VRANDA
- สปา >> SPA
- ซื้อของขายของกับเมืองจีน >> COM7, SPVI, TKN, HANA, KCE
- โรงพยาบาลเน้นต่างชาติ >> BH, EKH, THG
- น้ำมัน >> กลุ่ม PTT
2. หุ้นที่ไม่เกี่ยวข้องแต่ดันลงด้วย
เช่น โรงพยาบาลที่ไม่เน้นต่างชาติ โรงไฟฟ้าที่รายได้แน่นอน โรงเรียน ค้าปลีก สินค้าอุปโภคบริโภค รับเหมาก่อสร้าง เสาเข็ม สื่อสาร
3. หุ้น Growth ที่มีแนวโน้มเติบโตต่อเนื่อง
แล้วหุ้นตัวไหนน่าสนใจ ผมเลยไปเอาตัวเลขจาก Jitta มาใช้ บวกกับเสริมเรื่องสตอรี่ในการเติบโตมาแชร์ให้อ่านกันนะครับ
===============
#VIH
- เป็นหุ้นที่ติดอันดับ 1 ณ เวลานี้ของ Jitta Ranking แปลว่า คุณภาพดี และราคาได้
- Jitta Score 6.98 และ 22.9% Under Jitta Line
- P/E 16 เท่า ราคา 5.45 บาท
- รายได้ปีละ 2,500 ล้านบาท กำไรสุทธิ 200 ล้านบาท
- GPM 24% NPM 8%
โรงพยาบาลวิชัยเวช เป็นหุ้นที่เริ่มกลับมาโตแบบน่าสนใจ มีการรักษาผู้ป่วยโรคหัวใจที่มากขึ้น และไม่ได้รักษาผู้ป่วยต่างชาติมากเท่าไหร่ อัตรากำไรดูต่ำกว่าโรงพยาบาลอื่นแต่ก็ค่อยๆ ปรับตัวเพิ่มขึ้นทีละนิด P/E ก็ถือว่าไม่สูงนัก ก็น่าสนใจให้ไปพิจารณาต่อ
#AOT
- Jitta Score 6.19 แต่ Over Jitta Line 174% แปลว่า หุ้นคุณภาพดีนะ แต่อาจจะยังแพงอยู่
- P/E 30 เท่า ขนาดราคาลงมาที่ 52.75 บาท
- รายได้ปีละ 63,000 ล้านบาท กำไรสุทธิ 25,000 ล้านบาท แต่การเติบโตอาจจะน้อย เป็น single digit
- GPM 71% NPM 40%
อย่างที่บอก AOT เป็นหุ้นที่จะโดนผลกระทบก่อนเพื่อน เพราะเป็นหน้าด่านสำคัญ ถ้าการเดินทางลดลง รายได้ก็จะหายไป และจากสถานการณ์ที่ยังคงรุนแรงต่อเนื่อง ก็จะมีมาตรการต่างๆ เพิ่มเข้ามาเช่น ยกเลิก Visa On Arrival 18 ประเทศ (ไม่ได้ห้ามมานะ แต่ต้องไปขอกับสถานทูตก่อน) รวมทั้งการไม่เก็บ Minimum Guarantee ก็กระทบรายได้และกำไรอีก ..
แต่ถ้าเหตุการณ์ผ่านไปได้ และราคาลงมาเยอะๆ AOT ก็น่าจะยังเป็นหุ้นขวัญใจมหาชนและกองทุนตัวหนึ่ง (น่าจะอยู่ในกอง SSF ของหลายเจ้า) ก็น่าจับตาครับ
#MINT
- Jitta Score 5.48 และ Under Jitta Line 2.31% แปลว่า หุ้นคุณภาพดี ราคาใช้ได้ละ
- P/E 10 เท่า ราคาลงมาหนักมากเหลือ 22.50 บาท
- รายได้ปีละ 77,000 ล้านบาท กำไรสุทธิ 5,500 ล้านบาท
- GPM 58% NPM 7%
#CENTEL
- Jitta Score 5.09 และ 25.4% Under Jitta Line
- P/E 10 เท่า ราคาลงมาหนักมากเหลือ 18 บาท
- รายได้ปีละ 22,000 ล้านบาท กำไรสุทธิ 2,200 ล้านบาท
- GPM 43% NPM 10%
หุ้นโรงแรมชื่อดัง 2 แห่งนี้ ราคาลงมาหนักมากระดับ P/E 10 เท่า นี่แทบจะไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน แต่ก็ต้องติดตามว่า ธุรกิจทั้งโรงแรมและร้านอาหาร การแข่งขันสูง supply เพิ่มขึ้นเยอะมาก แต่ในแง่แบรนด์และคุณภาพก็ต้องบอกว่าดี
#SPVI
- Jitta Score 6.57 และ 37.25% Under Jitta Line
- P/E 10 เท่า ราคา 1.95 บาท
- รายได้ปีละ 3,600 ล้านบาท กำไรสุทธิ 75 ล้านบาท
- GPM 12% NPM 2%
หุ้นตัวเล็ก แต่โตมากจากยอดขายสินค้า Apple ทั้ง iPhone และ iPad ทั้งในร้าน iStudio หรือ มหาวิทยาลัย ถ้าไม่มีเรื่อง COVID-19 เข้ามาเกี่ยวข้อง แนวโน้มการเติบโตก็น่าจะยังดีอยู่ ความกังวลคงเป็นเรื่องของ supply สินค้าที่ลดลงและคนเดินห้างหายไป
#TFMAMA
- Jitta Score 7.05 และ 17.43% Under Jitta Line
- P/E 15 เท่า ราคา 179 บาท
- รายได้ปีละ 25,000 ล้านบาท กำไรสุทธิ 4,000 ล้านบาท
- GPM 36% NPM 16%
ในภาวะวิกฤต มาม่าคือที่พึ่งของพวกเรา แต่ต้องบอกแบบนี้ว่า ยอดขายและกำไรของ TFMAMA โตขึ้นมาตลอดอยู่แล้วนะ โดยเฉพาะกำไรโตเป็นเลข 2 หลักเลยทีเดียว และไม่ใช่แค่ขายดีทั้งในประเทศ แต่ต่างประเทศก็ขายดีเหมือนกัน
====================
ยังมีหุ้นอื่นๆ อีกหลายตัวที่น่าสนใจ น่าไปทำการบ้านกันต่อนะครับ ใครสนใจสามารถเข้าไปดูที่ Jitta Ranking ได้ฟรี รวมทั้งเข้าไปดูข้อมูลงบการเงินย้อนหลังรายไตรมาสได้ที่หน้า Fact Sheet เช่นกันครับ
https://www.jitta.com/explore?country%5B0%5D=TH
เพราะเราไม่รู้ว่าวิกฤตจะไปหยุดที่ตรงไหน แต่สิ่งที่เราทำได้คือ เตรียมพร้อมรับมือกับสิ่งที่เกิดขึ้น
เราอาจจะเคยพูดว่า "รู้งี้" ขายดีกว่า
แต่ถ้าเราเตรียมตัวให้พร้อม พอวิกฤตผ่านพ้นไป เราจะได้ไม่ต้องพูดว่า "รู้งี้" ซื้อดีกว่า