"ซื้อเมื่อเลือดนองตลาด"

ต้องยอมรับอย่างหนึ่งว่าตลาดหมีรอบนี้มาแรง และลงค่อนข้างเร็วมาก ดัขนีลงแต่หุ้นรายตัวลงแรงมากกว่า บางตัวทำจุดต่ำสุดในรอดบหลายสิบปี บางตัวทำ All Time Low ก็มีให้เห็น การที่เราจะบอกว่ารอบนี้หุ้นไทยเป็น "วิกฤต" ก็ไม่ใช่เรื่องที่ผิดอะไรมากนัก

ด้วยสภาวะตลาดแบบนี้ ย่อมมีคนที่อยากออกจากตลาด และกลุ่มคนที่อยากจะมองหาโอกาส เรามาดูกันว่าการซื้อหุ้นในยามวิกฤต แบบนี้ มีสิ่งไหนที่ต้องคำนึงบ้าง ...

1. บริษัทจดทะเบียน รายได้และกำไรอาจจะชะลอลงได้อีก
เศรษฐกิจที่ไม่ดี จะสะท้อนไปในตลาดหุ้นที่ย่ำแย่ ตลาดหุ้นที่แย่จะกระทบกับบรรยากาศการลงทุน รวมถึงความเชื่อมั่นผู้บริโภค ท้ายที่สุดจะส่งผลไปยังบริษัทจดทะเบียนอาจจะมีรายได้ที่ลดลง กำไรถดถอยลง หุ้นที่มีค่า P/E ต่ำๆ ก็กลับมามี P/E สูงได้ (เนื่องจาก E หรือ Earning กำไรลดลง)

ดังนั้นก่อนจะซื้อหุ้น อย่าลืมตระหนักถึงส่วนเผื่อเพื่อความปลอดภัย (Margin of safety) ด้วย แต่ถ้าประเมินแบบอนุรักษ์นิยมมากเกินไป ก็เป็นการพลาดโอกาสได้เช่นเดียวกัน

2. เรื่องของการซื้อเฉลี่ย
หุ้นที่ว่าถูกแล้ว อาจจะยังมีถูกกว่า ด้วยเหตุผลนี้นักลงทุนจำนวนมากจึงยังไม่กล้าที่จะซื้อหุ้น พวกเขาอยากรอจนกว่าตลาดจะนิ่ง คือ หุ้น "หยุดตก" จึงจะค่อยซื้อหุ้น
จริงๆแล้วกลยุทธ์การรอคอนนั้น ไม่ใช่เรื่องที่จะทำได้ง่ายๆเพราะเราไม่รู้เมื่อไรที่หุ้นจะกลับมาเป็นขาขึ้น ดังนั้นกลยุทธ์ที่ดีที่สุดยามหุ้นเป็นวิกฤต คือ "การซื้อเฉลี่ย" บางคนอาจจะเรียกว่า DCA

การซื้อเฉลี่ย คือ ทยอยซื้อไปเรื่อยๆตั้งแต่จุดที่เรามองว่ามันถูกมากแล้ว ซึ่งต้องทำใจไว้ว่าหุ้นอาจจะลงได้อีก และนั้นจะทำให้เราขาดทุน อาจจะเป็นปี เราทำใจได้หรือไม่

3. หุ้นที่ตกลงมาเยอะ คือ เป้าหมายของเรา
ประเด็นนี้คนอาจจะเข้าใจผิด เข้าไปซื้อหุ้นเพราะเห็นว่าหุ้นตกลงมาเยอะ จริงๆเราไม่ควรทำแบบนั้น เราควรจะซื้อเพราะพื้นฐานหุ้นยังดี ไม่ใช่ซื้อเพราะหุ้นตกลงมาเยอะ บางทีหุ้นที่ตกลงมาเยอะอาจจะเกิดจากตะวันตกดิน ธุรกิจโดนดิสรัป อาจจะทำให้ล้มละลายได้

เราต้องมั่นใจว่าบริษัทที่เราซื้อ "จะต้องไม่ตาย" ซึ่งอาจจะต้องพิจารณาเหตุผลหลายประการเช่น
- บริษัทใหญ่พอหรือไม่ ขายของให้คนกลุ่มไหนเป็นพิเศษ มีอำนาจทางการตลาดไหม
- งบดุลของบริษัทเป็นอย่างไร มีหนี้สินเยอะกว่าส่วนทุนเยอะหรือไม่
- ธุรกิจของบริษัท กำลังโดนดิสรัปจากเทคโนโลยีอยู่หรือไม่

4. มองระยะยาว
แน่นอนว่าการซื้อหุ้นในยามวิกฤต เราจะต้องมองระยะยาวไม่น้อยกว่า 3-4 ปี เป็นอย่างต่ำ สิ่งที่นักลงทุนจะได้มีเพียงปันผล อย่าไปคาดหวังส่วนต่างราคาหุ้นท่ามกลางบรรยากาศของตลาดหุ้นที่เงียบเหงา

ทั้งหมดนี้ก็เป็นกลยุทธ์การซื้อหุ้นในยามวิกฤตแบบคร่าวๆ และมีความปลอดภัยระดับหนึ่ง ...

สิ่งที่นักลงทุนพอจะทำได้ตอนนี้ คือ "อย่ากลัว" ...
วิกฤตมาถึงแล้ว เราต้องมองเป็นโอกาสในการสร้างสินทรัพย์เพื่อความมั่งคั่งระยะยาว ราคาหุ้นที่ลดลงมานั้น ไม่ใช่เรื่องน่ากลัว แต่เป็นโอกาสที่สำคัญในชีวิต