" เมื่อ CPALL ซื้อลูกรัก TESCO กลับคืน"

"ตอนวิกฤตผมจำเป็นต้องขาย Tesco Lotus คือลูกผม
เจ้าของเค้าขายกลับคืน ผมต้องซื้อกลับมา จะเลี้ยงให้ดีกว่าเดิม
ทำให้มากกว่าเก่าเป็นเท่าตัว"

คุณธนินท์ เจียรวนนท์ ให้สัมภาษณ์กับ The Standard ไว้เมื่อวันก่อน

วันนี้ประกาศอย่างเป็นทางการ กลุ่ม CP ได้ดีลนี้มาด้วยมูลค่า 10,576 ล้าน USD หรือ 338,445 ล้านบาท

โดย CP group ถือ 40%, CPALL ถือ 40% และ CPF ถือผ่านบริษัทลูก 20%

================

แล้วซื้อแพงมั้ย ?

 

 

ถ้ามาดูงบของ บริษัทเอก-ชัย ที่บริหาร Tesco ประเทศไทย
ปี 2560 รายได้ 218,163 ล้านบาท กำไรสุทธิ 9,117 ล้านบาท
ปี 2561 รายได้ 196,558 ล้านบาท กำไรสุทธิ 9,628 ล้านบาท
ปี 2562 รายได้ 188,628 ล้านบาท กำไรสุทธิ 7,819 ล้านบาท

รายได้ลดลง 2 ปี ติดต่อกัน -10% และ -4%
ขณะที่กำไรสุทธิ +5% และ -19%

 

ในส่วนของ Tesco มาเลเซีย
ปี 2560 รายได้ 33,085 ล้านบาท ขาดทุนสุทธิ 1,046 ล้านบาท
ปี 2561 รายได้ 33,453 ล้านบาท กำไรสุทธิ 174 ล้านบาท
ปี 2562 รายได้ 33,551 ล้านบาท ขาดทุนสุทธิ 339 ล้านบาท

รายได้ดูนิ่งๆ แต่กำไรค่อนข้างเหวี่ยง กำไรสลับขาดทุนปีเว้นปี

ถ้ารวมไทยกับมาเลเซียเข้าด้วยกัน
ปี 2562 รายได้รวม 222,179 ล้านบาท กำไรสุทธิ 7,480 ล้านบาท

ดีลนี้จ่ายไป 338,445 ล้านบาท คิดเป็น P/E 45 เท่า
ขณะที่ P/E ของ CPALL 27 เท่า และ P/E กลุ่มพาณิชย์ 24 เท่า

คุณธนินท์ บอกว่าจะใช้วิธีใหม่ในการบริหาร จะทำให้โตเท่าตัว ถ้ากำไรโตเท่าตัว P/E ก็จะลงมา 22.5 ประมาณเดียวกับอุตสาหกรรมพอดี

================

.... แล้วผูกขาดมั้ย

ถ้ามองแบบคุณธนินท์คือ
- Makro ค้าส่ง ขายถูก ขายให้ร้านโชว์ห่วย ขายภัตตาคาร
- Tesco Lotus ค้าปลีก
- 7-11 สะดวกซื้อ ใกล้บ้านเดินมา ขายแพงกว่าอีก

Tesco ก็ยังมี Big C เป็นคู่แข่งอยู่ ถึง CP ซื้อมาก็ยังแข่งเหมือนเดิม แค่เปลี่ยนจากเจ้าของอังกฤษกลับมาเป็นคนไทย

ถ้ามองแบบแยกส่วนก็คงไม่ผิด แต่ก็อาจจะมองได้อีกมุมคือ

1. อำนาจในการต่อรองกับ Supplier จะเพิ่มมากขึ้น ไม่ว่าจะเป็นการซื้อวัตถุดิบจากสเกลที่ใหญ่ขึ้น หรือจากการต่อรองกับแบรนด์ต่างๆ ที่อยากลิสต์ของเข้าร้านทั้ง 3 แห่ง

2. ลูกค้าของ Tesco, Makro, 7-11 ทุกวันนี้ ไม่ได้แยกชัดเจนขนาดนั้น ลูกค้าคนทั่วไปก็เข้ามาซื้อของ Makro เพิ่มมากขึ้น ส่วน 7-11 หรือ Tesco เองก็ขายของเป็นลังเป็นแพ็คมากขึ้น ถ้าเมื่อไหร่มีของลดรารา ร้านค้าโชว์ห่วยก็มาเดิน Tesco Lotus เหมือนกัน หรือคนที่อยู่บ้านหลายคน ก็มาเหมาสินค้า Makro ไปกินเองก็เยอะ

สิ่งที่ผมกำลังจะบอกคือ ไม่ได้ผูกขาดตามทฤษฎี แต่ว่าในทางปฎิบัติ เจ้าของแบรนด์อาจจะเหนื่อยขึ้น ร้านโชว์ห่วยอาจจะเหนื่อยขึ้น ลูกค้าก็อาจจะไม่ได้กระทบมาก เพราะราคาสินค้าคงไม่ได้ขึ้น แต่กรณีนี้จะเกิดขึ้นได้เมื่อทั้ง Tesco, Makro และ 7-11 หลังบ้านทำงานร่วมมือกันแบบจริงจัง รวมทีมเข้าด้วยกัน มีผู้นำทัพตรงกลางคนเดียวกัน

แต่เรื่องนั้นเอาไว้ก่อน
ตอนนี้เปิดพอร์ตตัวเองดูก่อนครับว่ามี CPALL และ CPF กันบ้างมั้ย