ตลาดหุ้นไทยไม่เงียบเหงาซะทีเดียว ข่าวดีเริ่มเข้ามาบ้างแล้ว ...
ล่าสุดกระทรวงการคลังเริ่มกลับมากระตุ้นเศรษฐกิจ หลังจากที่ประเทศไทยมีปัญหาทางเศรษฐกิจหลายด้าย โดยแบ่งออกเป็น 5 มาตรการ คือ

1.ให้เงินผู้มีรายได้น้อย ผู้ประกอบอาชีพอิสระ และเกษตรกรรายละ 1,000-2,000 บาท จำนวน 14 ล้านคน ใช้วงเงินรวม 1.4-2.8 หมื่นล้านบาท

 

2.  ปล่อยเงินกู้ดอกเบี้ยต่ำ แบ่งเป็น 2 ส่วน

(2.1) ธนาคารออมสินปล่อยกู้ดอกเบี้ยต่ำให้ธนาคารพาณิชย์ เพื่อให้ธนาคารพาณิชย์นำไปปล่อยต่อให้ภาคครัวเรือนและธุรกิจ

(2.2) ให้ ธปท. ผ่อนมาตรฐานบัญชีบางอย่างแก่ธนาคารพาณิชย์ เพื่อเอื้อต่อการปล่อยสินเชื่อและปรับโครงสร้างหนี้

 

3. ดูแลแรงงานไม่ให้ถูกเลิกจ้าง โดยให้นำรายจ่ายค่าแรงมาหักลดหย่อนภาษีได้มากกว่า 1 เท่า และลดค่าธรรมเนียมที่ภาครัฐเรียกจัดเก็บเป็นการชั่วคราว เช่น ค่าเช่าที่ราชพัสดุ

 

4. มาตรการดูแลตลาดทุน จะผ่อนคลายเกณฑ์กองทุนรวมเพื่อการออม (SSF) โดยการขยายวงเงินสูงสุดจาก 200,000 บาท ไปใกล้เคียงกับ LTF เดิมคือ 500,000 บาท

 

5. มาตรการทางภาษี สำหรับมาตรการชุดที่ 1 อาจพิจารณาลดวงเงินหักภาษี ณ ที่จ่าย และยืดเวลาการจ่ายภาษีนิติบุคคลเหมือนที่ยืดให้บุคคลธรรมดา แต่ยังไม่มีการลดอัตราภาษี

 ส่วนมาตรการชิมช้อปใช้เฟส 4 และการเพิ่มสวัสดิการคนจนจะพิจารณาในช่วงเดือน เม.ย. 63

 มาตรการกระตุ้นการท่องเที่ยวและการลงทุนจะออกไล่เลี่ยกันใน 2 สัปดาห์ข้างหน้า

นี้ทั้งหมดรวมเรียกว่าชุดที่ 1 และคาดว่าน่าจะมีอีกหลายชุดตรงนี้ก็ต้องติดตามกันต่อไป

ประเด็นสำคัญ คือ เป็นบวกต่อหุ้นกลุ่มไหนบ้าง และนักลงทุนจะปรับเปลี่ยนกลยุทธ์การลงทุนอย่างไรดี มาดูกันสักหน่อยครับ

 

บล. หยวนต้า วิเคราะห์ว่า การกระตุ้นเศรษฐกิจน่าจะมาเป็น "ชุด" นี้ถือเป็นชุดแรก และจะมีชุดที่ 2-3 ตามมา ซึ่งทางฝ่ายวิจัยมองว่าน่าจะเป็นเรื่องของการลดภาษีบุคคลธรรมดา หรือภาษีนิติบุคคลตามที่พรรคพลังประชารัฐเคยหาเสียงไว้

ทั้งนี้เรื่องของการแจกเงิน และออกกองทุนคล้าย LTF นั้น จะมีกลุ่มที่ได้ประโยชน์ทันที คือ

 

1. กลุ่มค้าปลีก -- แนะนำหุ้น CPALL BJC MAKRO CRC HMPRO โดยให้ CPALL เป็นหุ้นที่ได้รับประโยชน์มากที่สุด

2. กลุ่มรับเหมาและวัสดุก่อสร้าง -- STEC CK TASCO TEAMG

3. กลุ่มท่องเที่ยว -- AOT MINT ERW

นี้ก็ถือเป็นข่าวดีที่นักลงทุนต้องติดตาม แต่อย่าลืมว่าสภาวะตลาดหุ้นไทยตอนนี้มีความผันผวนสูงมาก และในทางของกราฟเทคนิคนั้นยังเป็นขาลง จึงไม่สามารถไว้วางใจได้ว่า SET Index จะกลับมาเป็นขาขึ้นในเร็ววัน

==========================

ขอบคุณแหล่งข้อมูล

https://portal.settrade.com/brokerpage/IPO/Research/upload/2000000383041/ThemeStrategy050320.pdf