เรียกได้ว่าปรับเป้ากันแทบจะทุกอาทิตย์สำหรับ GDP ของประเทศไทยที่เจอกับปัญหารอบด้าน ไม่ว่าจะเป็นเรื่องของไวรัสที่แพร่ระบาด ฝุ่นPM2.5 ค่าเงินผันผวน การบริโภคภายในประเทศ การเมืองในประเทศล้วนเป็นปัจจัยกดดันให้ประเทศไทยกำลังเจอกับสภาวะถดถอยอย่างเห็นได้ชัด (Recession)
สาระสำคัญที่รวมถึงกลยุทธ์การลงทุนในช่วงนี้ ควรทำอย่างไร มาดูกันสักหน่อยครับ
1. บล.เอเซีย พลัส คาดว่าเศรษฐกิจไทยน่าจะโต 1.6% สำหรับปี 2563
2. กลุ่มอุตสาหกรรมที่ถดถอยแล้ว คือ ภาคเกษตร-ประมง, ไฟฟ้า, ก่อสร้าง
3. กลุ่มอุตสาหกรรมที่กำลังจะถดถอย คือ กลุ่มการเงิน และการผลิตสินค้าอุตสาหกรรม
4. ในอดีตประเทศไทยเคยเกิด Recession มาแล้ว 3 ครั้ง และทุกครั้ง กนง.จะลดดอกเบี้ยลงอีก
5. ฝ่ายวิจัยเชื่อมั่นว่าจะมีการปรับลดดอกเบี้ยลงอีก 0.25% มาอยู่ที่ 0.75%
6. ซึ่งการลดดอกเบี้ยจะทำให้ Earning Yield Gap มาอยู่ที่ระดับ 5% ซึ่งเป็นระดับที่น่าสนใจในการลงทุน เป็นโอกาสที่ดีในการมองหาหุ้นพื้นฐานดี มีปันผลเก็บไว้ในพอร์ตการลงทุน
ทางฝ่ายวิจัยของเอเชียพลัส แนะนำนักลงทุนว่าให้แบ่งกลยุทธ์การลงทุนออกเป็น 2 ธีม คือ
- กลุ่มหุ้นปันผลสูง แนะนำ MCS PYLON และ DIF
- กลุ่มหุ้นพื้นฐานแข็งแกร่ง เช่น CPF CPALL
7. คาดว่า SET Index ยังมีโอกาสฟื้นได้เร็วขึ้นเหมือนอดีต หากเหตุการณ์ต่างๆผ่อนคลายลงรวมถึงเวลาเกิดผลกระทบจากเหตุการณ์ที่ผิดปกติ มีโอกาสที่ทางกนง.จะใช้มาตรการทางการเงินผ่อนคลายต่อเนื่อง ช่วยหนุนดัชนีอีกแรง
สรุปแล้ว การลงของดัชนี เป็นโอกาสที่ดีในการลงทุนครับ อยู่ที่ว่าเราหาเจอหรือเปล่า
=====================
ขอบคุณแหล่งข้อมูล
บทวิเคราะห์หลักทรัพย์เอเชียพลัส
http://research.asiaplus.co.th/asps/web_research/doc/2020/02/mt26.pdf