ความผันผวนของตลาดหุ้นเป็นเรื่องปกติที่นักลงทุนจะต้องเจอ บางวันก็ขึ้นสูงจนเหลือเชื่อ บางครั้งก็ลงแรงจนน่าตกใจ แต่นักลงทุนผู้มีประสบการณ์ กับนักลงทุนมือสมัครเล่นมีวิธีมองที่แตกต่างกัน แล้วกับมหาเศรษฐีระดับโลกที่ร่ำรวยจากการลงทุนอย่างวอเร็น บัฟเฟตต์มีแนวคิดอย่างไรเมื่อเจอกับตลาดหุ้นขาลง เรามาดูกันครับ ..
1. อย่ามองหุ้นเป็นการพนัน แต่ให้มองมันเป็นส่วนหนึ่งของการเป็นเจ้าของธุรกิจ
วอเร็น บัฟเฟตต์บอกไว้ว่า "ผมไม่เคยพยายามที่จะทำเงินจากตลาดหุ้น ผมซื้อหุ้นเพราะผมมีความเชื่อว่าตลาดหุ้นจะปิดไปเลย 5 ปี" การมองหุ้นเป็นส่วนหนึ่งของกิจการ จะทำให้นักลงทุนมีจิตใจที่มั่นคง มีความกล้าที่จะเผชิญกับการตื่นตระหนกตกใจได้
2. ความมั่งคั่ง ไม่ได้มีความสัมพันธ์กับความรู้ในเรื่องตลาดหุ้น
"วอลสตรีทเป็นสถานที่เดียวที่คนขับรถเบนซ์ ไปขอคำแนะนำจากคนที่นั่งรถสสาธารณะว่าพวกเขาจะสร้างความมั่งคั่งได้อย่างไร" คนที่ทำงานในวอลสตรีทแสดงว่าพวกเขาชำนาญเกี่ยวกับตลาดหุ้น แต่ไม่ได้หมายความว่าพวกเขาจะมั่งคั่งจากตลาดหุ้น ดังนั้นจึงเป็นข้อสรุปได้ว่า ความร่ำรวยไม่ได้มีความสัมพันธ์เกี่ยวกับความรู้เรื่องตลาดหุ้นเลย
จิตวิทยาของนักลงทุนอยู่ท่ามกลาง"ความโลภ"และ"ความกลัว"
(ขอบคุณภาพจาก Seeking Alpha)
3. เรื่องของความโลภและความกลัว
"เรามีความเต็มใจที่จะกลัวเมื่อคนกำลังโลภ และเราจะโลภในขณะที่คนอื่นกลัว" วรรคทองของวอเร็น บัฟเฟตต์ ที่เป็นกฏง่ายๆแต่ทำยาก
นักลงทุนทั่วไปมีความเข้าใจว่าตลาดหุ้นเป็นเรื่องง่าย แค่ซื้อต่ำและขายสูง แต่กลับไม่มีใครอธิบายได้ว่า ซื้อต่ำ ขายสูง มีวิธีการทำอย่างไร แต่วอเร็น บัฟเฟตต์แนะว่ามองตลาดต่างจากผู้อื่นเป็นสิ่งที่ดีที่สุด เมื่อคนเริ่มกลัว ตลาดหุ้นจะเริ่มตกและตกหนักมากยิ่งขึ้น พวกเขาจะขายทุกสิ่งทุกอย่างที่พวกเขาเป็นเจ้าของ นักลงทุนที่มากประสบการณ์จะใช้จังหวะนี้เข้าไปเก็บธุรกิจที่ดีในขณะที่คนอื่นกำลังขายด้วยความตื่นตระหนก ดังนั้น อย่าตื่นตระหนกตามคนอื่น
4. ดาวโจนส์และเหตุการณ์สำคัญๆ
ในศตวรรษที่ 20 สหรัฐอเมริกาเกิดเหตุการณ์ขึ้นมากมายไม่ว่าจะเป็นสงครามโลก การแผร่กระจายของโรคร้ายแรง สงครามเย็น สงครามอาวุธ การพัฒนาอาวุธสงคราม เรื่องของนิวเคลียร์ ภาวะหดหู่ของเศรษฐกิจ การถดถอยของเศรษฐกิจ ภาวะขาดแคลนน้ำมัน การแพร่กระจายของไข้หวัดนก ภาวะขาดแคลนอาหาร เงินเฟ้อเพิ่มสูงขึ้น การลาออกของประธานาธิบดี การลอบสังหาร และอื่นๆอีกมากมาย แต่สุดท้ายแล้วดาวโจนส์ก็สามารถวิ่งขึ้นจาก 66 จุดไปยัง 12,000 จุด ฝ่าความกังวลต่างๆมากมาย การวิตกกังวลเกี่ยวกับเศรษฐกิจไม่สามารหยุดการวิ่งของตลาดหุ้นได้ ดังนั้นการทำนายตลาดหรือจับจังหวะซื้อๆขายๆทำให้นักลงทุนพลาดมานักต่อนักแล้ว
วอเร็น บัฟเฟตต์แนะนำว่า "We have long felt that the only value of stock forecasters is to make fortune-tellers look good." I'm amazed at how many investors take market forecasters seriously, even when they have no credible track records of success.
การทำนายตลาด จะทำให้ผู้ทำนายดูดีขึ้นเท่านั้น แต่เมื่อเราศึกษาย้อนหลังแล้ว การทำนายไม่มีความสัมพันธ์กับการขึ้นลงของตลาด
5. ตราสารอนุพันธ์เป็นอาวุธทำลายร้างพอร์ตของนักลงทุน
ความเห็นของวอเร็น บัฟเฟตต์ Derivatives are financial weapons of mass destruction (ตราสารอนุพันธ์เป็นอาวุธอานุภาพรุนแรงที่จะทำให้พอร์ตนักลงทุนเสียหาย) นักการเงินสร้างตราสารอนุพันธ์ขึ้นมาเพื่อบริหารความเสี่ยง แต่กลับกลายเป็นตัวเก็งกำไรสำหรับนักเสี่ยงโชคในตลาดหุ้น
บัฟเฟตต์แนะนำว่าให้พยายามหลีกหนี 2 สิ่ง คือ
1.) สิ่งที่ตัวเองไม่รู้
2.)ตราสารอนุพันธ์