#แนวคิดด้านการลงทุน

ลงทุนปีชวด 63 คงไม่ง่าย ...การกระจายคือสิ่งสำคัญ

โดย อธิป กีรติพิชญ์
เผยแพร่:
102 views
เดือนมกราคม 2563 ที่ผ่านมา บรรยากาศการลงทุนในตลาดหุ้นไทย ยากลำบากเหมือนการว่ายทวนกระแสปัจจัยลบที่ถาโถม สารพัดเรื่องราวร้ายๆ ต้องพยายามรับมือกับเรื่องที่เข้ามากดดันจากภายในประเทศและต่างประเทศพร้อมๆกัน ผลที่ได้ คือ ดัชนี SET Index ในรอบเดือนมกราคม ค่อยๆไหลลงมาปิดลบเมื่อคิดจาก Year to Date (YTD) ณ 31 ม.ค.63 อยู่ที่ 1,514 จุด จากระดับ 1,579 จุด ที่ 30 ธ.ค.62 ส่งผลให้ดัชนีตลาดหุ้นไทยปรับตัวลดลง 65 จุด หรือ -4%
 
เห็นแบบนี้แล้ว ดูจะไม่ใช่งานง่ายสำหรับการลงทุนในปีชวดนี้ เมื่อเรากวาดตามองดูภาวะเศรษฐกิจทั่วโลก ก็พบว่าประเทศไทยเราเข้าสู่ช่วงวัฏจักรที่การเติบโตของเศรษฐกิจเริ่มจะน้อยลง (Economic Slowdown) มาตั้งแต่ปีที่แล้ว จากการเจรจาสงครามการค้าอันยืดเยื้อ การตั้งกำแพงภาษีระหว่างประเทศมหาอำนาจสหรัฐและจีน ส่งผลกระทบต่อการค้าขายไปทั่วโลก ต่อมาเราเจอกับภาวะค่าเงินบาทแข็งค่า ส่งผลกระทบต่อยอดการส่งออกและยอดการท่องเที่ยวในประเทศ และเรายังเจอกับภาวะการใช้จ่ายภาครัฐที่ดูติดขัดจากการเป็นรัฐบาลรักษาการนานเกือบ 8 เดือน ส่งผลมาที่การลงทุนภาคเอกชนที่ฝืดเคืองตาม
 
เข้าสู่ปี 2563 เพียงเดือนเศษ ก็มีความเสี่ยงสูงที่อาจเข้าสู่ภาวะถดถอย(Recession) ในปีนี้ นอกจากเรื่องภัยแล้งเป็นประวัติการณ์กระทบต่อภาคเกษตรกรรมแล้ว ยังมีสถานการณ์ระดับโลก “โรคระบาดไวรัสโคโรน่า” ที่เผอิญมารุนแรงในช่วงเดือนมกราคม ต่อเนื่องมาถึงเดือนกุมภาพันธ์ ทำลายบรรยากาศการท่องเที่ยวไทยช่วงตรุษจีนอย่างสิ้นเชิง เมื่อมองไปที่จำนวนผู้ติดเชื้อ และจำนวนผู้เสียชีวิตทั่วโลก ก็มีจำนวนมากขึ้นเรื่อยๆ และมากกว่าการระบาดของโรคซาร์ที่เคยทำลายเศรษฐกิจฮ่องกงและภูมิภาคอย่างรุนแรงเมื่อเกือบ 20 ปีก่อน นี่คือระเบิดเศรษฐกิจที่รุนแรงยิงตรงมาที่อุตสาหกรรมท่องเที่ยว ซึ่งเป็นเครื่องยนต์เศรษฐกิจที่สำคัญอย่างยิ่งของประเทศไทย
 
แม้เราจะทราบดีว่านี่คือปัจจัยชั่วคราว แต่สถานการณ์ไวรัสโคโรน่าที่ยืดเยื้อมาร่วมเดือน จำนวนผู้ติดเชื่อและผู้เสียชีวิตที่เพิ่มขึ้นเรื่อยๆ จะสร้างความบอบช้ำให้เศรษฐกิจไทยไปอีกอย่างน้อย 3 เดือน ซึ่งเป็นช่วงเวลาที่อุตสาหกรรมท่องเที่ยวจะเข้าช่วง Low Season พอดี แล้วไหนจะเรื่อง sentiment ในการบริโภค ที่ดูไม่เป็นใจ ไม่ว่าจะเป็นเรื่องงบประมาณที่ควรจะอัดฉีดออกจากภาครัฐในเร็ววันนี้ แต่มีอันสะดุดจากกรณีเสียบบัตรแทนกันอีก เป็นเรื่องลบที่เข้ามาพร้อมกันอย่างเหลือเชื่อ
 
ผมคิดว่า ภาวะที่ทุกอย่างดูไม่เป็นใจเช่นนี้ หากเศรษฐกิจไทยยังพยุงตัวเองให้เติบโตเพียงน้อยๆต่อไปได้ โดยไม่เจอภาวะ “ถดถอย” อย่างที่มีนักวิเคราะห์ผู้ให้ความเห็นไว้ ก็ถือว่าเก่งมากแล้ว โอกาสที่ดัชนีตลาดหุ้นไทยครึ่งปีแรก จะออกข้าง (sideway) หรือกระทั่งออกข้างซึมลง (sideway down) จึงมีสูง
 
ปัจจัยลบทั้งหลายทั้งปวงที่กล่าวมา ตลาดหุ้นได้รับรู้และอมข่าวร้ายต่างๆไว้แล้ว ปัจจุบันดัชนีตลาดหุ้นไทยที่ 1500 จุดต้นๆ Dividend Yield ที่ 3.27% จัดเป็นอัตราผลตอบแทนที่น่าสนใจ การที่นักลงทุนไทยจะล้างพอร์ตออกจากตลาดหุ้นไปเลย ผมคิดว่าไม่ใช่ช่วงเวลานี้แล้ว อย่างไรก็ตาม การกลับมาเพิ่มน้ำหนักการลงทุนในหุ้นอีกครั้งอย่างเต็มตัวก็อาจจะเร็วเกินไป 
 
โดยสรุปคือปี 2563 ครึ่งปีแรก เป็นช่วงที่ควรเน้นเกมรับรอสวนเป็นระยะ รักษาเงินลงทุน และคอยติดตามว่าในวัฏจักรเศรษฐกิจรอบนี้เราจะหลีกเลี่ยงช่วงเศรษฐกิจถดถอยได้หรือไม่ ผมคิดว่า วิธีเอาตัวรอด คือ 
 
หนึ่ง...กระจายการลงทุนไปในสินทรัพย์ที่หลากหลาย เช่น หุ้น ตราสารหนี้ ประกันชีวิต เงินสด และทองคำ  
 
สอง... ทยอย DCA (Dollar Cost Average) หุ้น Big Cap ที่ราคาปรับตัวลงมามาก สะท้อนการอยู่ในวัฏจักรขาลงเรียบร้อยแล้ว นี่คือการเก็บหุ้นดีในช่วงตกท้องช้างที่เราไม่รู้ว่าจะยาวนานแค่ไหน 
 
 

เจ้าของหนังสือ Best Seller “ติวหุ้น รวยด้วยวีไอ” และยังเป็นวิทยากรคอร์ส “ลงทุนแนวปัจจัยพื้นฐานแบบ Value/Growth Investor” ด้วยประสบการณ์ในตลาดทุนกว่า 17 ปี และประสบการณ์ในการเป็นติวเตอร์ บวกกับความเป็นคนอารมณ์ขัน  ทำให้คุณนิ้วโป้งสามารถถ่ายทอดเรื่องยาก อย่างการลงทุน ให้เข้าใจได้ง่าย และยังใช้ภาษา ลีลาที่มีเอกลักษณ์น่าสนใจอย่างยิ่ง จึงทำให้ได้รับเชิญไปบรรยายในงานต่างๆ มากมาย

Facebook

บทความอื่น ๆ ที่เกี่ยวข้อง