แม้ว่าการประชุมของ กนง. (คณะกรรมการนโยบายการเงิน) ครั้งล่าสุดเมื่อวันที่ 16 กันยายนที่ผ่านมาจะยังคงอัตราดอกเบี้ยนโยบายไว้ที่ร้อยละ 1.50 ต่อปีไม่เปลี่ยน แต่เรื่องกระแสการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยหรือที่เรียกสั้นๆว่า QT (Quantitative Tightening) อาจไม่ใช่เรื่องไกลตัวอีกต่อไป และอาจส่งผลทำให้ดอกเบี้ยไทยต้องปรับขึ้นตามไปด้วย
แล้วหุ้นกลุ่มไหนจะโดนจัดหนักจากดอกเบี้ยที่สูงขึ้น และ หุ้นกลุ่มไหนที่ได้ประโยชน์?
หุ้นที่อาจโดนหนัก:
1. หุ้นบริษัทที่มีหนี้สินสูงๆ
หุ้นบริษัทที่มีหนี้สินสูงๆ (ยกเว้นเจ้าหนี้การค้า เพราะหนี้ก้อนนี้ไม่มีดอกเบี้ย) โดยเฉพาะบริษัทที่มีอัตราส่วน Interest-bearing D/E เกินกว่า 1.5 เท่า เช่น หุ้นกลุ่มรับเหมาก่อสร้างบางตัว ที่กู้เงินจำนวนมากมาทำโปรเจค อาจเข้าข่ายมีความเสี่ยงสูง เพราะดอกเบี้ยที่ต้องจ่ายเพิ่มขึ้น ย่อมส่งผลให้กำไรสุทธิลดลงด้วย
Tip ในการเจาะลึกงบการเงิน
- บริษัทที่มีการเปิดเผยงบการเงินอย่างละเอียด เราสามารถที่จะดูหมายเหตุประกอบงบการเงิน ในส่วนที่อธิบายถึงหนี้สินได้ โดยดูว่าสัดส่วนของหนี้สินที่มีอัตราดอกเบี้ยคงที่ เช่นหุ้นกู้ (bond) หรือเงินกู้ดอกเบี้ยคงที่ (fixed rate loan) มีสัดส่วนเป็นเท่าไรเมื่อเทียบกับหนี้สินทั้งหมด
- บริษัทที่มีการเตรียมการปกป้องความเสี่ยงจากอัตราดอกเบี้ย ด้วยการทำสวอป (interest rate swap) จะไม่ได้รับผลกระทบจากดอกเบี้ยขาขึ้นมากนัก
- บริษัทที่ต้องพึ่งพาเงินกู้ระยะสั้น (short-term loan) จะได้รับผลกระทบมาก เพราะเงินกู้ก้อนใหม่จะมีอัตราดอกเบี้ยสูงขึ้น ในขณะที่บริษัทที่มีสัดส่วนเงินกู้ระยะยาวอัตราคงที่ (fixed-rate long-term loan) เยอะ จะได้รับผลกระทบน้อย เนื่องจากส่วนใหญ่ได้คำนวณเผื่อค่าใช้จ่ายดอกเบี้ยไว้ล่วงหน้าแล้ว และยังไม่จำเป็นที่จะต้องใช้คืนหนี้ในระยะเวลาอันใกล้อีกด้วย
- ถ้าในงบไม่มีรายละเอียดพวกนี้ ถาม ผบห. กลางงาน Opp Day เลยครับ!
2. หุ้นกลุ่มอสังหาฯ
อาจจะได้รับผลกระทบ 2 เด้ง ทั้งจากต้นทุนเงินกู้มาทำโครงการที่สูงขึ้น และยอดขายที่ลดลงเพราะผู้ซื้อบ้านอาจตัดสินใจเลื่อนการซื้อออกไป กลัวแบกค่าดอกเบี้ยเงินกู้ซื้อบ้านไม่ไหว
3. หุ้นกลุ่มนาโนไฟแนนซ์
หุ้นกลุ่มนาโนไฟแนนซ์บางตัว ที่ทำธุรกิจเน้นปล่อยสินเชื่อรากหญ้าที่มีความเสี่ยงสูง ทั้งจาก 1) โอกาสที่จะเจอหนี้เสียสูงขึ้นตามดอกเบี้ยที่สูงขึ้น 2) ในฝั่งต้นทุนเงินกู้ก็สูงขึ้นจากดอกเบี้ยที่ปรับขึ้น แต่บางบริษัทที่มีการคัดเลือกลูกค้าอย่างเข้มงวด และมีการวางแผนเงินกู้และเตรียมการอย่างรัดกุม อาจได้รับผลกระทบเพียงเล็กน้อย
4. หุ้นบริษัทที่มีอัตราส่วนกำไรสุทธิ (NPM) ต่ำ
เมื่อค่าใช้จ่ายดอกเบี้ยสูงขึ้น บริษัทที่มี NPM บางเฉียบเป็นทุนอยู่แล้ว (บางบริษัทมี NPM เฉลี่ยย้อนหลัง 5 ปีแค่ 2-3 เปอร์เซ็นต์เท่านั้น!) อาจถึงขั้นขาดทุนได้ ดังนั้น ต้องแยกให้ออกว่าบางบริษัทแม้ “รายได้” โตเพราะมีโปรเจ็คนู้นนี้เข้ามามากมาย แต่ถ้ามาร์จินบางเฉียบ ต่อใหรายได้โตก็อาจจะขาดทุนเพราะต้องแบกดอกเบี้ยสูงขึ้น!
แต่ทั้งหมดนี้ก็ไม่ได้หมายความว่าหุ้นทุกตัวในกลุ่มจะต้องได้รับผลกระทบทุกตัว หุ้นบางตัวงบการเงินแข็งแรงก็อาจไม่โดนกระทบจากดอกเบี้ยขาขึ้นเท่าไร จะให้ดีต้องดูเป็นรายตัวครับ
ในตอนหน้า เราจะมาเจาะกลุ่มบริษัทที่ได้ประโยชน์จากดอกเบี้ยขาขึ้นกัน รู้ไว้เผื่อเตรียมปรับพอร์ตครับ
ติดตามกันต่อไปครับ
(ใน facebook เลือก "See First" เพื่อติดตามสาระเข้มๆจาก stock2morrow plus)