เพิ่งจะผ่านไปเดือนเดียว แต่มีเหตุการณ์ไม่คาดคิดเกิดขึ้นมากมาย ตั้งแต่ไฟป่า ภัยแล้ง น้ำประปาเค็ม การสังหารนายพลอิหร่าน ฝุ่น PM2.5 และไวรัสโคโรนา เรียกได้ว่ามีเรื่องให้กังวลใจไม่เว้นวัน และเป็นสาเหตุที่ทำให้ SET ปรับตัวลงมาจนแทบจะหลุด 1,500 จุด อยู่แล้ว
พอเป็นแบบนี้ หลายคนตกใจทำตัวไม่ถูก อยากจะขายหุ้นล้างพอร์ตทิ้งก็กลัวจะเด้งใส่หน้า จะซื้อถัวก็ไม่กล้ากลัวลงต่อ จะให้ไปซื้อตัวใหม่ก็เลือกไม่ถูก ผมอยากนำเสนอไอเดียแบบนี้ครับ
1. ตั้งสติ
พอร์ตแดงอยู่แล้วไม่ใช่เรื่องแปลก แต่อย่าเพิ่งผลีผลามคัทลอสหมด หรือถัวซ้ำ แต่ให้ใจเย็นๆ ก่อน สูดลมหายใจเข้าลึกๆ แล้วตั้งสติไว้ อย่าเพิ่งโวยวาย อย่าโทษตัวเองว่า รู้งี้ขายอาทิตย์ก่อนดีกว่า ให้ยอมรับความจริงให้ได้ว่าเราพลาด อย่าไปโทษคนอื่น
2. วิเคราะห์หาสาเหตุ
พอมีสติอยู่กับตัวแล้ว ให้ลองพิจารณาหาสาเหตุดูว่าที่พอร์ตเราติดลบมันมาจากอะไรบ้าง ให้ลิสต์ออกมาเป็นหัวข้อเลย เช่น
- คัทลอสไม่เป็น คือ ตอนซื้อมองแต่ว่าจะกำไร แต่ไม่ได้มองว่าถ้าหุ้นลงแล้วจะทำยังไง จะคัทลอสตรงไหน รับขาดทุนได้ที่เท่าไหร่ พอไม่ขาย หุ้นยังลงต่อ จนถึงจุดที่เรารับไม่ไหว ตัดใจขายออกมา หุ้นก็เด้งทันที เรามักจะเจอเหตุการณ์แบบนั้นบ่อยครั้งจนท้อใจ
- ไม่กระจายความเสี่ยง ด้วยความที่อยากรวยเร็ว ด้วยความที่ชอบบอกตัวเองว่าพอร์ตเล็ก ถ้าไม่ All in หรือถือน้อยตัวพอร์ตก็ไม่โตซักที แต่ในความเป็นจริง แทนที่พอร์ตจะเติบโต กลับกลายเป็นพอร์ตระเบิดแทน
- วางแผนไม่ละเอียด คือ บางคนรีบซื้อหุ้น กลัวตกรถ แต่ยังวิเคราะห์ไม่เสร็จ ยังต่อจิ๊กซอว์หาข้อมูลได้ไม่ครบ หรือยังไม่ได้ประเมินราคา เห็นหุ้นขยับ เลยรีบตามกลัวไม่ทัน สุดท้ายมันย่อลงมาเราขาดทุนอีกแล้วก็ได้เวลามาหาข้อมูลเพิ่มเติมถึงได้รู้ว่าหุ้นตัวนั้นอาจจะไม่ได้ดีอย่างที่เราคิด
- ปรับพอร์ตไม่เป็น คือ ต้องคิดแบบนี้ว่า หุ้นในพอร์ตเรา สมมติมี 10 ตัวไม่จำเป็นว่าต้องกำไรทุกตัว จริงๆ อาจจะชนะ 7 แพ้ 3 ก็ได้ แต่ภาพรวมพอร์ตเราเป็นบวก เราต้องคอยประเมินอยู่เรื่อยๆ ว่าหุ้นแต่ละตัวที่เรามีผลงานเป็นอย่างไร พื้นฐานเปลี่ยนไหม งบดีไหม อาจจะขายตัวที่ไม่ดีออกไป หรือขายตัวกำไรน้อย แล้วไปซื้อตัวที่ผลงานดีกว่า โดยดูที่ภาพรวมของพอร์ตเป็นหลัก
- ไม่เคยถือเงินสด เพราะในเวลาหุ้นตกมันอาจจะเป็นโอกาสที่ทำให้เราได้ซื้อหุ้นที่เราหมายตามานานแต่มันไม่ลงมาซักทีพอตลาดเท หุ้นทุกตัว เลยตกใจร่วงลงมากันหมด ทั้ง ๆที่ปัจจัยพื้นฐานก็ยังไม่ได้มีอะไรเปลี่ยนแปลงไปการที่เรามีเงินสดบ้างก็จะช่วยให้เราได้ซื้อหุ้นในราคาถูก
3. วางแผนหาแนวทางแก้ไข
หลังจากที่เรารู้แล้วว่า เราผิดพลาดที่ตรงไหน จดบันทึกแยกเป็นหัวข้อออกมาแล้วก็ลองวางแผนหาทางแก้ไขในแต่ละเรื่อง แต่ถ้าเราคิดไม่ออกหรือคิดวนไปวนมา ก็อาจจะลองหยุดพักก่อนก็ได้นะ ออกไปทำจิตใจให้สบายผ่อนคลาย แล้วค่อยกลับเข้ามาในตลาดใหม่อีกรอบก็ได้เพราะว่าตลาดหุ้นจะยังเปิดรอนักลงทุนกลับมาเสมอ
4. ลองทดสอบวิธีการใหม่ด้วยเงินน้อยๆ
กลับมาคราวนี้ เราได้บทเรียนแล้วว่า ที่ผ่านมาเราพลาดเพราะอะไร ดังนั้นรอบนี้ถึงแม้เราวางแผนเตรียมตัวมาดีแล้ว ก็อย่าเพิ่งผลีผลาม อยากให้ลองลงทุนด้วยเงินน้อยๆ ก่อนเป็นการทดสอบว่าวิธีการใหม่ของเรานั้นได้ผลไหม หรือยังมีจุดอะไรให้ต้องปรับปรุงแก้ไขอีกบ้าง
5. ทำซ้ำถ้าได้ผล
ถ้าลองลงทุนน้อยๆ แล้วได้ผล ก็ค่อยๆ เพิ่มจำนวนเงินลงไปมากขึ้นหรือไปทดลองหลักการเดียวกันกับหุ้นตัวอื่นว่าผลลัพธ์จะออกมาเป็นอย่างไรบ้าง แล้วก็คอยจดคอยเรียนรู้ ทดลอง ทำซ้ำไปเรื่อยๆ
ผมเชื่อว่า ไม่มีใครอยากเห็นหุ้นตก พอร์ตแดง แต่เชื่อเถอะว่าไม่มีสถานการณ์ไหนที่จะสอนให้เราเก่งขึ้นได้มากที่สุดเท่าภาวะวิกฤตอีกแล้วถ้าลองได้เจ็บจริง ขาดทุนจริงด้วยมือของตัวเอง มันจะจำขึ้นใจและถ้าเราผ่านไปได้ เราจะแกร่งขึ้นกว่าเดิมหลายเท่าตัวแน่นอน