กลับมาเป็นประเด็นที่น่าสนใจเกี่ยวกับการซื้อหุ้นคืนอีกครั้ง หลังจากที่ตลาดตกลงมาอย่างหนัก โดยตอนนี้มี 4 บริษัทประกาศซื้อหุ้นคืนในเวลาไล่เลี่ยกัน คือ CK, KBANK, SPALI และ TPIPL ซึ่งนักวิเคราะห์หลายคนคาดกันว่าจะมีตามมาอีกหลายบริษัท
ประเด็นก็คือ การซื้อหุ้นคืน เราควรมองเป็นลบ หรือควรจะมองเป็นบวกกันแน่
อย่าลืมว่าการซื้อหุ้นคืนเป็นเหมือนดาบสองคม คือมีทั้งข้อดี และมีทั้งข้อเสียที่ซ่อนอยู่ด้วย ...
ถ้าบริษัทซื้อคืนในราคาที่ไม่แพง จะเป็นประโยชน์ต่อผู้ถือหุ้นระยะยาว แต่ถ้าซื้อเพื่อการผยุงราคาหรือผลประโยชน์ส่วนตัว จะเกิดโทษในอนาคต
ดังนั้นผู้ลงทุนก็ยังจำเป็นต้องเข้าใจถึงตัวบริษัทด้วยตัวเอง ไม่ใช่มองเป็นข่าวดีและเข้าซื้อเพียงเพราะบริษัทประกาศซื้อหุ้นคืนเพียงอย่างเดียว
เรามาดูกันว่า นักลงทุนชื่อดังหลายคน มองประเด็นเรื่องของการซื้อหุ้นคืนกันอย่างไรบ้าง ?
ในมุมมองของวอเร็น บัฟเฟตต์ นั้น เขาเคยกล่าวว่า เขาชอบการซื้อหุ้นคืนของบริษัทมากกว่า เพราะเป็นสิ่งง่ายๆที่ผู้บริหารจะตอบแทนให้กับผุ้ถือหุ้น ซึ่งจะให้ผลดีมากกว่าการไปไล่ซื้อกิจการที่มีราคาแพงเพื่อเพิ่มรายได้ที่ไม่รู้กี่ปีจะถึงจุดคุ้มทุน
อย่างไรก็ตาม การซื้อหุ้นคืน ต้องซื้อในราคาที่สมเหตุสมผล ไม่ใช่การซื้อในราคาที่แพงเพื่อพยุงราคาหุ้น ตรงนี้จะมีผลร้ายกับบริษัทจะตามมาในอนาคต ...
ปีเตอร์ ลินซ์ ตำนานของผู้จัดการกองทุนเคยเขียนถึงเรื่องการ "ซื้อหุ้นคืน" ไว้ในหนังสือ One Up On Wall Street เอาไว้ว่า การซื้อหุ้นคืนคือวิธีที่จริงใจที่สุด ที่ผู้บริหารจะตอบแทนให้กับผู้ถือหุ้น แต่ส่วนใหญ่มักจะไม่ทำกัน เพราะว่าไม่มีความท้าทาย และเป็นวิธีโบราณที่ดูไม่มีวิสัยทัศน์ในโลกของธุรกิจ ถ้ามีผู้บริหารบริษัทหนึ่งประกาศซื้อกิจการ ข่าวนี้จะเรียกเสียงฮือฮาได้ทั้งในหนังสือพิมพ์ข่าวเศรษฐกิจ ตลาดหุ้น รวมถึงจะช่วยเพิ่ม "ชื่อเสียง" ของผู้บริหารว่าเป็นคนมีวิสัยทัศน์และดำเนินกลยุทธ์เทห์ๆในโลกธุรกิจที่เรียกว่า "Synergy"
ในทางตรงกันข้าม ถ้าผู้บริหารประกาศ "ซื้อหุ้นคืน" จะมีสักกี่คนที่สนใจ ผู้บริหารคนนี้อาจจะไม่ได้ขึ้นหน้าหนึ่งหนังสือพิมพ์ หรือมีสำนักงานข่าวมาขอสัมภาษณ์ รวมถึงภาพลักษณ์ก็จะดู "เฉยๆ" มากในโลกธุรกิจ
แต่อย่างไรก็ตามการซื้อหุ้นคืน คือวิธีที่นักลงทุนพันธุ์แท้จะเข้าไปทำการบ้านต่อว่า การซื้อหุ้นคืนครั้งนี้จะมีผลดีต่อบริษัทมากน้อยแค่ไหน โดยส่วนใหญ่แล้วจะเป็นไปในทางบวกมากกว่าเป็นทางลบ ...
ครั้งหนึ่ง ดร.นิเวศน์ เคยเขียนบทความเกี่ยวกับเรื่อง "ซื้อหุ้นคืน" เอาไว้ว่า สิ่งที่บริษัทจะทำกับผู้ถือหุ้นได้ มีอยู่ 2 แบบ คือ "ออกหุ้นเพิ่ม" และ"ซื้อหุ้นคืน" ในกรณีแรกคือการออกหุ้นเพิ่ม เงินของผู้ถือหุ้นจะถูก "ดูด" เข้ากระเป๋าของบริษัท ซึ่งผุ้ถือหุ้นไม่ยินดีให้เป็นแบบนั้น
ในทางตรงกันข้าม บริษัทก็สามารถ "จ่าย" เงินออกไปให้กับผู้ถือหุ้นได้ด้วย 2 วิธี คือ จ่ายเงินปันผล และซื้อหุ้นคืน ซึ่งเป็นวิธีที่ผู้ถือหุ้นยินดีให้เป็นแบบนั้น เพราะอย่างน้อยสุดก็มีผลต่อตัวราคาหุ้นในระยะสั้น
อย่างไรก็ตาม การประกาศเพิ่มทุน ออกหุ้นเพิ่ม ให้สิทธิผู้ถือหุ้น ขายหุ้นแก่นักลงทุนอื่น แจกวอร์แรนท์ หรือแม้แต่ซื้อหุ้นคืน รวมถึงการลดพาร์ของหุ้นและอื่น ๆ ของบริษัทจดทะเบียนในตลาดหุ้นไทยนั้น ส่วนใหญ่แล้วเป็นเรื่องของการ "เล่นเกม" การเงินที่พยายามเพิ่มราคาและมูลค่าหุ้นโดยที่มีผลกระทบกับพื้นฐานน้อย
ดังนั้น มันจึงไม่เหมาะที่จะถือระยะยาว แต่เหมาะกับการเล่นเก็งกำไรสำหรับคนที่รู้ข้อมูลและคนที่มีโอกาสในการเล่นเกมนี้มากกว่าคนอื่น
.... นี้ก็เป็นการวิเคราะห์ในแบบฉบับของ ดร.นิเวศน์ ครับ
โดยส่วนตัวแล้ว การซื้อหุ้นคืน มีแนวโน้มจะเป็นบวก มากกว่าจะเป็นลบ ครับ ....