ช่วงนี้การซื้อกิจการของบริษัทจดทะเบียนในไทยมีเยอะมาก ทั้งไทยและต่างประเทศ แล้วผู้ถือหุ้นจะดูอย่างไรว่าการซื้อกิจการนั้นส่งผลดีหรือผลเสียต่อบริษัทที่เข้าซื้อกิจการหรือผู้ถือหุ้นอย่างไร
หลักๆแล้วมี 2 ข้อที่เราต้องพิจารณา คือ ..
ประเด็นที่ 1 ... ธุรกิจของบริษัทมีความเกี่ยวข้องหรืออยู่ในสายงานเดียวกันหรือไม่
ถ้าบริษัทที่ทำธุรกิจอาหาร เทคโอเวอร์บริษัทอาหารด้วยกัน ถือว่าผ่าน
ถ้าบริษัทที่ทำพลังงานไฟฟ้า เทคโอเวอร์โรงไฟฟ้า หรือเข้าซื้อโรงไฟฟ้าในต่างประเทศ ถือว่าน่าสนใจ
ถ้าบริษัทที่ทำธุรกิจนำเข้าชิ้นส่วนรถยนต์ เข้าลงทุนในบริษัทผลิตไฟฟ้าแสงอาทิตย์ ตรงนี้น่าจะมีอะไรแปลกๆแล้ว
แบบนี้การไปซื้อกิจการก็ถือว่าไม่ได้ "สนับสนุน" ธุรกิจเดิมของบริษัท และบ่อยครั้งที่การไปซื้อกิจการต่างประเทศอาจจะเป็นเรื่องที่ตรวจสอบได้ยาก อาจจะมีความไม่โปร่งใสอยู่ในนั้นด้วย ดังนั้นผู้ถือหุ้นต้องระมัดระวัง
ประเด็นที่ 2 ... บริษัทที่โดนซื้อกิจการ แต่เดิมมีประสิทธิภาพแค่ไหนในแง่ของกำไร และจะคืนทุนในกี่ปี
ตัวอย่างเช่น บริษัท A เข้าซื้อบริษัท B 10,000 ล้านบาท ในขณะที่บริษัท B มีกำไรปีละ 2,000 ล้านบาท นั้นแสดงว่าจะใช้เวลา 5 ปีในการคืนทุน ถือว่าไม่นานมาก แล้วถ้าเป็นอย่างนั้นจริงทำไมบริษัท B ต้องยอมขายกิจการด้วยละ
คำถามนี้ถือว่าน่าสนใจ อาจจะเป็นเพราะว่าผู้บริหารของบริษัท B ต้องการผู้ร่วมทุนคนใหม่ที่ใหญ่กว่า มีความสามารถมากกว่าเพื่อผลักดันองค์กรให้เติบโตแบบก้าวกระโดด หรือแต่เดิมบริษัท B มีการผลิตที่ไม่มีประสิทธิภาพอยู่แล้ว การมีผู้ร่วมทุนคนใหม่ จะช่วยเพิ่มกำลังการผลิตได้มากกว่า ลดต้นทุนได้มากกว่า ดังนั้นจึงยอมขายกิจการ เพื่อแลกกับการเติบโตในอนาคต
แต่ถ้านักลงทุนคนไหน ทำการบ้านมากขึ้นหรือมีความชำนาญในการวิเคราะห์ผลประกอบการ อาจจะดูในเรื่องของค่า P/E มีความถูกแพงมากน้อยแค่ไหน ในราคาที่ซื้อ และการซื้อกิจการบางครั้งอาจจะต้องเจอกับการเพิ่มทุน จะต้องพิจารณาในเรื่องของกำไรสุทธิที่เพิ่มขึ้นมากกว่า "ส่วนทุน" (Equity) หรือไม่
ตัวอย่างเช่น บริษัท X มีกำไรปีละ 3,000 ล้านบาท เข้าซื้อบริษัท Y ที่มีกำไรปีละ 1,000 ล้านบาท ซึ่งการเข้าซื้อจำเป็นจะต้องเพิ่มทุน ทำให้ Equity เพิ่มขึ้นถึง 40% ในขณะที่กำไรสุทธิของบริษัท X เมื่อรวมกันแล้วจะเพิ่มขึ้น 4000 ล้านบาท หรือคิดเป็นเพียง 30% เท่านั้น การซื้อกิจการอาจจะดูไม่คุ้มค่าเท่าไรนัก
อย่างไรก็ตามมุมมองของคนทำธุรกิจ กับมุมมองของคนซื้อขายหุ้น ย่อมแตกต่างกัน การวิเคราะห์ก็มองแตกต่างกันด้วย ดังนั้นสิ่งที่ผู้ถือหุ้นควรมอง คือ
1. ธุรกิจมีความเกี่ยวเนื่องกันหรือไม่
2. เหตุผลการซื้อกิจการ เป็นอย่างไร ยิ่งถ้าเป็นบริษัทจดทะเบียนด้วยแล้วราคาที่ซื้อ คิดเป็น P/E แพงไปหรือไม่
หลักๆก็จะมีเท่านี้ครับ ....