ช่วงนี้ตลาดหุ้นผันผวนเดี๋ยวขึ้นเดี๋ยวลง บางวันลงเช้า ตอนบ่ายเด้งแรง นักลงทุนหลายคนปรับตัวไม่ถูก บางคนเห็นหุ้นลงเช้าก็ขายขาดทุน พอเด้งบ่ายก็ซื้อ กลายเป็นติดดอยซะงั้น แล้วก็พาลคิดไปว่า ถ้าเราขาย ก็ต้องมีคนซื้อ ถ้าเราขาดทุน ก็ต้องมีคนกำไร
ตลาดหุ้นต้องเป็น "Zero Sum Game" คือ หักลบกลบหนี้กันแล้ว มีคนได้และมีคนเสีย เป็นเกมศูนย์ เหมือนการโยนเหรียญหัวก้อย หรือการเล่นไพ่ คิดว่าจริงมั้ยครับ?
ก่อนอื่น เราต้องเข้าใจแบบนี้ว่า ผลตอบแทนจากการลงทุนมี 2 อย่าง คือ
1. Capital Gain หรือ ส่วนต่างราคา ที่เราซื้อแพงขายถูก เอ๊ย ไม่ใช่ ซื้อราคาต่ำกว่า แล้วไปขายราคาที่สูงกว่า
2. Dividend หรือ เงินปันผล ที่พอบริษัททำกำไรจากกิจการได้ดี ก็แบ่งปันผลประโยชน์มาให้เราในแต่ละปี
เบนจามิน เกรแฮม กล่าวไว้ว่า
"ในระยะสั้น ตลาดหุ้นเหมือนเครื่องลงคะแนนเสียง แต่ในระยะยาว ตลาดหุ้นเหมือนเครื่องชั่งน้ำหนัก"
นั่นแปลว่า ในระยะสั้น ตลาดหุ้นมีความผันผวนได้มาก ราคาหุ้นขึ้นลงได้ตลอดเวลา ตามอารมณ์และข่าวสารที่นักลงทุนรับรู้ในแต่ละช่วงเวลา และทำให้เกิดการจับจังหวะเก็งกำไร การขายเพราะกลัว การซื้อเพราะโลภ
ถ้าเป็นแบบนี้น่าจะเกิด “Zero Sum Game” มีคนขาดทุนและกำไรเท่าๆ กัน
แต่ถ้าให้ระยะเวลาดำเนินตามจังหวะของมัน ในระยะยาวแล้ว ถ้าบริษัทมีผลประกอบการที่ดี จ่ายปันผล มีมูลค่าที่เพิ่มขึ้น ราคาหุ้นก็จะเพิ่มขึ้น
คนที่ 1 ซื้อ 10 บาท เวลาผ่านไป ราคาเพิ่มเป็น 20 บาท เขาขายให้คนที่ 2 บริษัทก็ยังดีต่ออีก เวลาผ่านไป ราคาเพิ่มเป็น 30 บาท ขายให้คนที่ 3 กลายเป็นว่าทุกคนได้กำไรหมด และถ้ารวมปันผลระหว่างทางก็ยิ่งได้เพิ่มมากขึ้นอีก
สถานการณ์แบบนี้อาจเรียกได้ว่าเป็น “Win-Win Situation”
ซึ่งสอดคล้องกับตลาดหุ้นไทยตั้งแต่ปี 2518 ถึง 2560 ผลตอบแทนทบต้นที่ได้รับ คือ 11.87% ต่อปี หรือเงินลงทุนที่ 10,000 บาท จะเติบโตมากขึ้น 124 เท่า กลายเป็นเงิน 1,243,314 บาท ในเวลา 43 ปี ซึ่งถ้าใครที่ถือผ่านมาก็จะได้กำไรกันหมด
แต่การที่เราจะ Win-Win ได้นั้น เราต้องเข้าใจหลักการที่ว่า
1. เลือกลงทุนในหุ้นที่ถูกตัว คือ หุ้นที่มีทิศทางการเติบโตต่อเนื่อง และเป็นหุ้นที่พื้นฐานดี
2. ลงทุนในราคาที่เหมาะสม ต่ำกว่ามูลค่าในอนาคต
3. เป็นการลงทุนระยะยาว
4. ตรวจสอบกิจการที่เราลงทุนอย่างสม่ำเสมอ
ฟังดูแล้วเหมือนไม่ยาก แต่อุปสรรคสำคัญที่จะมาขัดขวางไม่ให้คุณลงทุนระยะยาวได้กืคือเรื่องของ “อารมณ์” อย่างตอนนี้ผมเชื่อว่าหลายคนกลัววิกฤตกำลังจะมา ทำให้ไม่สามารถอดทนถือหุ้นดีๆ ไว้ได้นาน แล้วก็ต้องมานั่งบ่นเสียดายตอนที่เราขายหมูไปแล้วเห็นมันวิ่งต่อหน้าต่อตา
ส่วนตัวผมเชื่อว่าการนั่งสมาธิ จะช่วยควบคุมอารมณ์ให้เราสงบได้ และการใช้เครื่องมือในการบริหารจัดการ ไม่ว่าจะเป็น การเตือนเมื่อราคาขึ้นหรือลง การใช้เครื่องมือหรือ Algorithm ในการสแกนหุ้น หรือระบบที่สามารถลงทุนได้ในระยะยาวๆ เช่น ลงทุนแบบ Index Fund, Jitta Wealth หรือกองทุนระยะยาวต่างๆ
สุดท้ายขอฝากคำพูดของ Warren Buffett ที่ว่า
“If you cannot control your emotions, you cannot control your money”
ถ้าคุณควบคุมอารมณ์ตัวเองไม่ได้ คุณก็ไม่สามารถควบคุมเงินของคุณได้
และก็อาจจะเป็นไปได้ว่า สุดท้ายเงินของคุณจะเป็น Zero Sum จน Game Over ก็เป็นได้