ตลาดหุ้นไทย ค่อนข้าง Underperform กว่าชาวบ้านเขา กล่าวคือ หุ้นรอบบ้านเราบวก แต่หุ้นไทยลง ในขณะที่ตลาดเอเชียลง เราลงหนักยิ่งกว่า โดยสาเหตุหลักมาจากแรงขายของนักลงทุนต่างชาติ ที่ทำให้หุ้นไทยลงติดต่อกันมาเป็น 10 วัน

การตกลงอย่างติดต่อกัน ทำให้เกิดคำถามขึ้นว่า ยังพอมีปัจจัยอะไรที่ทำให้หุ้นไทยขึ้นได้บ้างไหม ... ?

มีครับ ... ซึ่งนั้นก็คือ Window Dressing นั้นเอง

ประเด็นของ Window Dressing นั้นหลักๆแล้วก็คือการเข้ามาซื้อของกองทุนในประเทศนั้นเอง ไม่ว่าจะเป็นกองทุนหุ้น กองทุน LTF+RMF ที่มีนักลงทุนรายย่อยเข้ามาซื้อเพื่อออมหรือบริหารภาษี เงินก้อนนั้นก็จะถูกส่งมายังตลาดหุ้นไทย เป็นปัจจัยที่ทำให้หุ้นไทยขึ้นได้

แต่ปัญหาคือ ผ่านมาหลายวันแล้ว หุ้นไทยยังไม่มีทีท่าว่าจะแกว่งตัวขึ้นได้เลย แล้วอย่างนี้เรายังคง "คาดหวัง" Window Dressing ได้อีกไหม ลองมาฟังความเห็นของโบรคเกอร์กันครับ ว่าพวกเขามองกันอย่างไร

ฝ่ายวิเคราะห์หลักทรัพย์ บล.หยวนต้า (ประเทศไทย)  วิเคราะห์ว่า ทางฝ่ายวิจัยยังคาดหวังปีนี้จะได้เห็นการทำ Window Dressing ก่อนปิดงบปี และเม็ดเงินจากกองทุน LTF คาดว่าจะมีอีกหมื่นล้านบาทเข้ามาในช่วงนี้ ประกอบกับในช่วงเดือน ธ.ค.นี้นักลงทุนต่างชาติได้ขายไป 2 หมื่นล้านบาท ใกล้เคียงกับสถิติในปีที่ผ่าน ๆ มา ทำให้มองว่า Downside ตลาดฯ น่าจะจำกัดแล้ว โดยหุ้นที่คาดว่าจะถูกทำวินโดว์เดรสซิ่ง เช่น ADVANC, AOT, MTC, MINT, PTT และ TISCO

บล.ฟินันเซีย ไซรัส มองว่า SET Index แกว่งตัวไซด์เวย์ออกข้าง และสถานการณ์ตอนนี้ยังไม่มีอะไรประเด็นอะไรใหม่ อีกทั้งใกล้ปิดปีใหม่ด้วย สิ่งที่ยังหวังได้ คือ การทำ Window Dressing และแรงซื้อจากนักลงทุนต่างชาติที่ช่วงที่ผ่านมาขายสุทธิ อาจเข้ามาหนุนตลาดในช่วงท้ายปี

บล. ไอร่า มองว่า การทำ Window Dressing ยังเป็นไปได้ และเป็นปัจจัยหนุนหลักให้หุ้นขึ้นในช่วงเดือนธันวาคมได้ หุ้นแนะนำ คือ ADVANC, AP, CPF, PTG, SEAFCO และ SINGER

บล.เอเซียพลัส มองว่าสาเหตุที่หุ้นไทยลงหนักเกิดจากแรงขายจากต่างชาติ แต่ฝ่ายวิจัยยังคงหวังแรงจากนักลงทุนสถาบันเข้ามาซื้อหุ้นไทยในช่วงปลายปีนี้ โดยเฉพาะ 2 สัปดาห์สุดท้ายน่าจะมีความชัดเจนขึ้นจากการทำ Window Dressing ดังนั้น ฝ่ายวิจัยจึงทำการคัดกรองหุ้นที่นักลงทุนสถาบันนิยมซื้อสะสมในช่วงโค้งสุดท้ายของปี และราคาหุ้นมักจะโดดเด่นกว่าตลาดได้ดี ซึ่งสอดคล้องกับหุ้นเด่นของฝ่ายวิจัย ได้แก่ บมจ.บางกอก เชน ฮอสปิทอล (BCH) และบมจ.เมเจอร์ ซีนีเพล็กซ์ กรุ้ป (MAJOR) ที่มีสัดส่วนในกองทุน LTF เช่นกัน และที่สำคัญสถิติในอดีตยังบ่งชี้ว่า ช่วง 2 สัปดาห์สุดท้ายของปี หุ้นทั้ง 2 บริษัท ให้ผลตอบแทนเฉลี่ยชนะตลาดทั้งสิ้น

โดยรวมแล้วทางฝ่ายวิจับของแต่ละบริษัทยังคงหวังว่าจะมี Window Dressing โดยมาจากแรงซื้อของนักลงทุนสถาบันภายในประเทศ

ก็ต้องติดตามกันต่อไปครับ ....

==========================

ขอบคุณแหล่งข้อมูล
https://www.dailynews.co.th/economic/747561

https://www.prachachat.net/finance/news-403003

https://www.ryt9.com/s/iq05/3078604

https://www.thebangkokinsight.com/251604/

https://www.bangkokbiznews.com/news/detail/858661