หลายคนคิดว่า ราคาไม่น่าหลุดต่ำกว่า 25 บาท เพราะเป็นราคา Big Lot ปีที่แล้วที่ขายให้กองทุน และหลายครั้งที่ลงมาอยู่โซนนี้ก็เด้งกลับไปได้ทุกครั้ง แต่รอบนี้ไม่เหมือนเดิม พอเขื่อนแตก ราคาก็ไหลไม่หยุดหลุดทุกคัพ มาจนถึง 21.50 บาท ก่อนจะเด้งกลับไปปิดที่ 22.30 บาท
โบรกเกอร์หลายแห่งได้สอบถามไปยังผู้บริหารของ SABINA และได้รับคำตอบว่า
- ผลการดำเนินงานยังคงเป็นไปตามเป้าหมาย ยอดขายเดือน ต.ค.- พ.ย. เพิ่มขึ้นจากไตรมาส 3/62
- ยอดขายออนไลน์เติบโตดีจาก 11:11 และคาดจะเพิ่มขึ้นในช่วง 12:12 เช่นกัน
- ต้นทุนตามแผน ขณะที่การอ่อนค่าของเงินบาทมีผลกระทบน้อย
- การปรับขึ้นค่าแรงขั้นต่ำคาดจะทำให้ค่าใช้จ่ายเพิ่มขึ้นเพียง 2-3 ล้านบาท/ปี
เราลองมาเช็คกับตัวเลขของจริงกันครับว่า เป็นไปได้มากน้อยแค่ไหน
1. ยอดขาย ถ้าไล่เรียงรายไตรมาส เราจะพบว่า ช่วงหลัง ๆ Q3 ขายดีที่สุด (เมื่อก่อนเป็น Q2 เพราะว่าเด็กปิดเทอม) แต่ปีนี้ Q3 ขายน้อยลงทั้ง QoQ และ YoY ส่งสัญญาณว่ากำลังซื้อเริ่มหดตัวหรือเปล่า
2. ยอดขายช่องทางร้านที่เป็นแบรนด์ของตัวเอง ซึ่งเป็นสัดส่วนรายได้หลักคิดเป็น 77% เติบโตลดลงทั้ง QoQ และ YoY เช่นกัน ในแง่ของร้านค้ามี 582 แห่ง และไม่เน้นขยายสาขา
3. ยอดขาย NSR หรือออนไลน์ ที่มีสัดส่วน 10% ในปีนี้มีแนวโน้มการเติบโตลดลงตลอด แต่ Q4 ก็น่าจะดีขึ้น เพราะมีทั้ง 11.11 และ 12.12 และ SABINA เองก็ติดอันดับสินค้าขายดีใน Lazada แต่คำถามคือ ดีพอมั้ย เพราะบริษัทตั้งเป้าจะให้มีสัดส่วนเป็น 20% ในอีก 4 ปีข้างหน้า
4. SG&A Q4 เป็นไตรมาสที่บวมที่สุด อยู่ที่ประมาณ 42% จากปกติที่อยู่ 37-39% ซึ่งถ้าดูจากแคมเปญการตลาดแล้ว ก็เป็นไปได้ว่าไม่น่าจะลดลง แปลว่า ถ้ายอดขายมาไม่เยอะ SG&A จะบวม และกระทบกำไรได้
5. ปันผล 100% คือ สิ่งที่นักลงทุนคาดหวัง อาจจะกังวลเพราะเริ่มเห็นสต็อคบวม กู้เงินระยะสั้นมาใช้หมุนเวียนกิจการ CFO ติดลบ เลยคิดว่าจะจ่ายน้อยลง ในระยะสั้นคิดว่าไม่น่ากังวล เพราะบริษัทยังทำกำไรได้อยู่ และมี D/E ต่ำกว่า 1 แต่ระยะกลางถึงยาวก็ไม่แน่ ถ้ายอดขายไม่ดี หรือออเดอร์ OEM ดีเลย์
สิ่งที่ผู้บริหารบอกกับตัวเลขที่เราเห็นในอดีต พอจะทำให้เราเชื่อได้ว่า NSR น่าจะโตดี เพราะ 11.11 ขายดีมากจริง และปีก่อนฐานต่ำ แต่ร้านแบรนด์ของตัวเอง ซึ่งเป็นสัดส่วนหลัก มันจะโตด้วยหรือเปล่า อันนี้สงสัย เพราะถ้ายอดขาย Q4 โตมากกว่า Q3 จริง เมื่อเอาไปเทียบกับ Q4 ปีที่แล้ว จะโตเยอะมาก มากกว่า 10% ซึ่งมันดู too good to be true
แต่ในแง่ของต้นทุน ค่าเงิน ค่าแรงงานที่เพิ่ม คิดว่าไม่เป็นประเด็นอะไร น่าจะควบคุมได้อยู่แล้ว GPM สูงเกิน 50% สบาย แต่ SG&A ต้องติดตามว่าในอนาคตจะใช้เพิ่มมั้ย และสุดท้ายกำไรสุทธิอาจจะเหลือแค่โต 10% หรืออย่างมาก 15% ไม่ได้โตมาก ๆ เหมือนปีก่อน
เมื่อมาเทียบกับ P/E 20 เท่า และสภาพตลาดที่ดูไม่ค่อยดีเท่าไหร่ ก็มีความเป็นไปได้ว่านักลงทุนหรือแม้แต่กองทุนเลือกที่จะปรับพอร์ตกันออกมาก่อนหรือเปล่า ทำให้ราคาร่วงลงมาแรง
ต้องติดตามกันต่อไปครับว่า SABINA จะหาทางยืนหยัดเป็นหุ้นเติบโตได้ต่อไปหรือไม่ หรือจะกลับกลายมาเป็นหุ้นปันผลดีที่ 5% แบบต่อเนื่อง
ราคาตรงนี้คุ้มค่าแค่ไหน จะดูมหรือจะดอย ลองประเมินกันดูครับ