ต้องยอมรับว่าปี 2562 ไม่ใช่ปีทองของการลงทุนในตลาดหุ้น ทำให้เริ่มมีเสียงจากนักลงทุนดังขึ้นมาบ้างว่า ในสภาวะของความไม่แน่นอนนี้เราควรปรับพอร์ตไปลงทุนในตราสารหนี้ไหม ?
ถือว่าเป็นคำถามที่น่าสนใจ ... แต่นักลงทุนต้องเข้าใจก่อนว่าตราสารหนี้ให้ผลตอบแทนค่อนข้าง "ต่ำ" นักลงทุนสามารถรอรับผลตอบแทนที่ต่ำแบบนี้ได้หรือไม่ อีกทั้งนักลงทุนส่วนใหญ่จะลงทุนในตราสารหนี้มักจะลงทุนผ่านกองทุนรวมมากกว่า
แต่เดิมนักลงทุนที่อยากจะลงทุนในตราสารหนี้ จะโดนเก็บภาษี 15% แต่ถ้าลงทุนผ่านกองทุนตราสารหนี้จะได้รับการยกเว้นภาษี ทำให้เกิดความไม่เท่าเทียมในระบบภาษี เพราะลงทุนโดยตรง เสียภาษี แต่ทำไมลงทุนกองทุนรวมถึงไม่เสียภาษีละ ?
ดังนั้นรัฐบาลจึงมีการปรับปรุงการจัดเก็บภาษี โดยกำหนดให้กองทุนรวมมีหน้าที่เสียภาษีเงินได้นิติบุคคล ...
แต่อ่านถึงตรงนี้ก็ยังไม่ต้องตกใจไป เพราะภาษีจากกองทุนตราสารหนี้นะ "ไม่ใช่" การเก็บจากผู้ลงทุนรายคน แต่จะเรียกเก็บจากกองทุนรวมในหมวดของภาษีเงินได้นิติบุคคล โดยนับเฉพาะตราสารหนี้ที่ออกใหม่หลังกฏหมายบังคับใช้เท่านั้น
วางใจได้ว่าผู้ลงทุนจะไม่ถูกเก็บภาษีซ้ำซ้อน และไม่ต้องนำรายได้จากดอกเบี้ยมาคำนวนยื่นภาษีเงินได้บุคคลธรรมดาอีก รวมถึงจะมีการยกเว้นภาษีจากเงินปันผลของกองทุนรวมตราสารหนี้อีกด้วย จากเดิมที่เก็บในอัตรา 10% ด้วย (แต่ปันผลจากตราสารหนี้ นั้นก็ยังถือว่าน้อยมากๆเช่นกัน)
แล้วอย่างนี้ ผลตอบแทนจากกองทุนตราสารหนี้จะต้องลดลง ใช่ไหม ?
ใช่แล้วครับ .. ผลตอบแทนลดลงอย่างแน่นอน แต่จะลดแบบค่อยเป็นค่อยไป สมมุติว่ากองทุนตราสารหนี้ XYZ ให้ผลตอบแทน 2.5% ต่อปี จะมาจากดอกเบี้ยประมาณ 1% และกำไรจากส่วนต่างราคาของตราสารหนี้ 1.5% (ตราสารหนี้ก็เหมือนกับหุ้น มีการกำหนดราคาซื้อขายได้ด้วย)
โดยภาษีที่จะจัดเก็บ 15% มาจากผลตอบแทนดอกเบี้ย 1% แปลว่าผลตอบแทนจะลดลงประมาณ 0.15% เหลือประมาณ 0.75% เท่านั้น เมื่อรวมกับส่วนต่างของราคา 1.5% แล้ว จะเหลือประมาณ 2.35%
เห็นไหมครับ ว่าเราไม่ได้จ่ายภาษีโดยตรง แต่เป็นการจ่ายโดยอ้อมไปเรียบร้อยแล้ว ...
แล้ว .. กองทุนรวมแบบผสมผสานที่ลงทุนทั้งหุ้น + ตราสารหนี้จะโดนเก็บด้วยไหม
โดนเก็บครับ ... รายได้ที่เกิดจากดอกเบี้ยตราสารหนี้ พันธบัตร หรือหุ้นกู้ จะโดนเก็บ 15% ตามสัดส่วน แต่จะไม่ไปกระทบในส่วนของหุ้นที่อยู่ในกองทุน ครับ
ผลตอบแทนลดลงแบบนี้ เราไม่ควรลงทุนในกองทุนตราสารหนี้ แล้วใช่ไหม ?
ในระยะยาวแล้ว ผลตอบแทนจากกองทุนตราสารหนี้จะค่อยๆลดลง แต่ก็ยังสูงกว่าเงินฝากประจำหรือฝากออมทรัพย์ ซื้อง่าย ขายคล่อง ไม่ตึงตัวเหมือนฝากประจำที่ต้องรอให้ครบระยะเวลาก่อนถึงจะถอนได้ (แถมดอกเบี้ยต้องเสียภาษีอีกด้วย) กองทุนตราสารหนี้จึงตอบโจทย์คนที่ไม่ชอบความเสี่ยงสูง มีสภาพคล่อง ซื้อขายได้ทุกวัน
การปรับพอร์ตให้เหมาะสมกับความเสี่ยง แบ่เงินลงทุนในหุ้นบ้าง ตราสารหนี้บ้าง เงินฝากออมทรัพย์ หรือแม้กระทั่งประกันชีวิต ถือเป็นการวางแผนการเงินที่ดี ถึงแม้จะเสียภาษีไปบ้าง ก็ไม่ควรหนีกองทุนตราสารหนี้ซะทีเดียว
อย่างไรก็ตาม ในสภาวะดอกเบี้ยต่ำมาอย่างยาวนาน และเงินเฟ้อก็ไต่ระดับมากขึ้น การออมเงินโดยคาดหวังดอกเบี้ยจากตราสารหนี้เพื่อเลี้ยงชีพเหมือนอย่างที่คนสมัยก่อนทำ อาจจะไม่ใช่ทางที่ดีนัก การเลือกหุ้นที่มีธุรกิจมั่นคง ปันผลอยู่ในเกณฑ์ดี จะให้ผลตอบแทนในระยะยาวที่ดีมากกว่าครับ
ขอบคุณแหล่งข้อมูล
http://bit.ly/2YT4L0O
http://bit.ly/2KuXpLO
http://bit.ly/2YvBXA0