ถ้ามีเงิน 100,000 บาท การที่จะทำให้เติบโตเป็น 1 ล้านบาท อาจต้องใช้เวลาหลายปี
แต่ถ้าทำให้เหลือ 50,000 บาท หรือ 10,000 บาท เชื่อว่าใช้เวลาไม่นาน และใคร ๆ ก็ทำได้
แต่เวลาที่เราขาดทุน การที่จะทำกลับมาให้แค่เท่าทุนเดิม ต้องทำงานหนักขึ้นหลายเท่า
ยกตัวเลขให้เห็นภาพแบบนี้
ถ้าขาดทุน 10% ต้องทำกำไร 11% ถึงจะได้เงินต้นกลับมาเท่าเดิม
ถ้าขาดทุน 20% ต้องทำกำไร 25% ถึงจะได้เงินต้นกลับมาเท่าเดิม
ถ้าขาดทุน 50% ต้องทำกำไร 100% ถึงจะได้เงินต้นกลับมาเท่าเดิม
ถ้าขาดทุน 90% ต้องทำกำไร 900% ถึงจะได้เงินต้นกลับมาเท่าเดิม
ถ้าขาดทุน 100% ก็ไม่ต้องทำอะไรแล้ว Game Over
พูดง่าย ๆ ก็คือ ขาดทุนน้อย ๆ ยังพอเอากลับคืนมาได้ แต่ถ้าขาดทุนมาก ๆ จะให้แค่เท่าทุน ต้องทำให้ได้มาก ๆ เป็นเท่าตัว หรือหลายเท่าตัว ซึ่งเป็นอะไรที่ไม่ง่าย
เพราะฉะนั้น Warren Buffet ถึงพูดอยู่เสมอว่า กฎข้อที่ 1 คือ “อย่าขาดทุน”
ในความเป็นจริงเราอาจหลีกเลี่ยงการขาดทุนไม่ได้ แต่ เราจำกัดการขาดทุนได้
บางทีเราอาจจะตั้งตัวเลขเป็นกฎประจำตัวไว้เลยก็ได้ว่า
ถ้าขาดทุน 10% จะต้อง Cut Loss เพราะรู้ว่าเดี๋ยวทำคืนมา 11% ก็จะได้เงินคืน
แต่ถ้าปล่อยไปถึง 20% การที่จะหาหุ้นมี upside 25% อาจจะเริ่มเหนื่อย
หรือบางทีเราอาจจะกำหนดการขาดทุนเป็นตัวเงินที่เราเริ่มหายใจไม่ออก เริ่มไม่สบายใจก็ได้
เช่น ถ้าขาดทุน 5,000 บาท จะขายหุ้น ถ้าขาดทุน 10,000 บาท จะ stop loss
ไม่ว่าจะวิธีไหนก็แล้วแต่ คุณต้องยอดตัดขาดทุนก่อนที่พอร์ตคุณจะขาดใจ
อย่าปล่อยให้เงินต้นหมด เพราะวันนั้นคือ Game Over
แต่ถ้ายังมีเงินต้นเหลือ เราก็ยังมีแรงให้สู้ต่อไปได้