ถือเป็นประเด็นที่น่าติดตามสำหรับหุ้น TCAP หรือ บมจ. ทุนธนชาต ที่เป็น Financial Holding Company อย่างเต็มรูปแบบ ลงทุนในธุรกิจการเงิน ธนาคาร หลักทรัพย์ ประกันภัย ประกันชีวิต เช่าซื้อ-ลิสซิ่ง และ บริหารสินทรัพย์ด้อยคุณภาพ
หลังจากการรวมกิจการระหว่าง TBANK กับ TMB แล้ว ก้าวต่อไปของ TCAP คืออะไร และนักลงทุนสามารถคาดหวังอะไรจากหุ้น TCAP ได้อีก นี้เป็น 3 ข้อต้องรู้ที่นักลงทุนต้องติดตามครับ
1.ธนาคารที่ใหญ่ขึ้น ศักยภาพมากขึ้น เข้าถึงลูกค้าได้มากขึ้น รายได้มีแนวโน้มเติบโตมากขึ้น
แน่นอนว่าการรวม 2 ธนาคารทำให้สินทรัพย์ของธนาคารแห่งใหม่นี้เพิ่มมากขึ้น เข้าถึงมากขึ้น ส่งผลให้กำไรเติบโตมากขึ้น โดย TCAP จะขายหุ้นธนาคารธนชาต ให้กับ TMB และมีเงินรับเข้ามาประมาณ 80,000 ล้านบาท ในจำนวนนี้ ประมาณ 14,000 ล้านบาท TCAP จะนำไปซื้อบริษัทย่อยและเงินลงทุนจากธนาคารธนชาตออกมา (บมจ.ราชธานี บริษัทธนชาตประกันภัย บริษัทหลักทรัพย์ธนชาต) ซื้อหุ้นเพิ่มทุน TMB ประมาณ 44,000 ล้านบาท และนำไปลงทุนเพิ่มในบริษัทย่อยและเงินลงทุนอื่นๆที่จะซื้อต่อจาก Scotiabank อีกประมาณ 12,000 ล้านบาท
หลังจากนั้น TCAP จะเข้าไปซื้อหุ้นเพิ่มทุนของ TMB แล้วจะย้ายความเป็นเจ้าของธนาคารธนชาต ที่เคยถือหุ้นในสัดส่วน 51% เป็นผู้ถือหุ้น TMB ในสัดส่วนประมาณ 20% เศษ รองจากกลุ่ม ING ที่ถือในสัดส่วน 21-22% และกระทรวงการคลังอีก 18-19% ซึ่งกระบวนการโอนหุ้นจบภายในเดือนธันวาคม และใช้เวลาประมาณ 1 ปีครึ่งเพื่อรวมกิจการ เช่นเดียวกับสมัยที่ธนชาตเคยรวมกิจการกับธนาคารนครหลวงไทย
จากผลประกอบการที่ผ่านมา จะเห็นได้ว่า TCAP มีกำไรสุทธิที่มากขึ้อย่างต่อเนื่อง
ปี 2558 บริษัทมีกำไรสุทธิ 5.4 พันล้านบาท
ปี 2559 บริษัทมีกำไรสุทธิ 6.0 พันล้านบาท
ปี 2560 บริษัทมีกำไรสุทธิ 7.0 พันล้านบาท
ปี 2561 บริษัทมีกำไรสุทธิ 7.8 พันล้านบาท
บริษัทมีอัตรากำไรสุทธิ (Net Margin)เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องเฉลี่ยประมาณ 12% และ อัตราผลตอบแทนผู้ถือหุ้น (ROE) อยู่ในระดับสูงที 13% ...
2. โฟกัสในความหลากหลายสินเชื่อรายย่อยมากขึ้น
แต่เดิม TCAP มีชื่อเสียงและเน้นในเรื่องเช่าซื้อรถยนต์ แต่ภายใต้ธนาคารแห่งใหม่นี้นอกจากเน้นเช่าซื้อรถยนต์แล้ว จะเพิ่มธุรกิจรายย่อยให้มีความหลากหลายมากขึ้น เช่นสินเชื่อบ้าน สินเชื่อบัตรเครดิต
โดยยุทธศาสตร์ TCAP ยังครองตลาดเช่าซื้อครบทั้งแผงไม่ว่ารถใหม่ รถเก่า รถแลกเงิน รถบรรทุก หัวรถลาก ซุปเปอร์คาร์ บิ๊กไบค์ เพื่อยืนหนึ่งความเป็นผู้นำในตลาดเช่าซื้อ
3. ให้ความสำคัญกับนักลงทุนอย่างเท่าเทียม และพยายามรักษา ROE ระดับเฉลี่ย 12%
นี้ถือเป็นอีกหนึ่งข่าวดีที่ยืนยันได้ว่า TCAP ให้ความสำคัญกับนักลงทุนทุกคนอย่างเท่าทียม โดยหลังจากการปรับโครงสร้าง การขายหุ้น TBANK และการลงทุนในหุ้น TMB แล้ว TCAP จะมีเงินคงเหลือประมาณ 10,000 ล้านบาท โดยทาง TCAP จะจ่ายเงินปันผลระหว่างกาลพิเศษ 4 บาทต่อหุ้น พร้อมกับซื้อหุ้นคืนอย่างละ 50% จะเริ่มประมาณเดือนกุมภาพันธ์ซึ่งจะทำให้กำไรต่อหุ้นของ TCAP ไม่ลดลงโดยพยายามรักษาอัตราผลตอบแทนผู้ถือหุ้น (ROE) ใกล้เคียงระดับ 12%
เป้าหมายของ TCAP ในการบริหารงานคือ "จะไม่พึ่งพา" รายได้จากแหล่งใดแหล่งตลอดเวลา โดยจะเน้นไปที่รายได้จากธนาคารแห่งใหม่ประมาณ 50-60% และที่เหลือจะมาจากบริษัทลูกของ TCAP เอง เช่น บมจ.ราชธานี ธนชาตประกันภัย หลักทรัพย์ธนชาต นอกจากนี้ TCAP มีแผนจะสร้างรายได้จากการบริหารสินทรัพย์ด้อยคุณภาพ (NPL และ NPA) และการขายบริษัทที่ไม่ใช่ธุรกิจหลัก (Non-Core)
ดังนั้นจึงเป็นโจทย์ที่ต้องศึกษาอย่างรอบคอบเพื่อจะเลือกลงทุนในสิ่งที่เชี่ยวชาญและต้องยึดหลักธรรมาภิบาลที่ทุนธนชาตพิสูจน์ตัวเองมากว่า 40 ปี
ปัจจุบัน TCAP มีค่า P/E ที่ 7.67 เท่า P/BV ประมาณ 0.9 เท่า และปันผลประมาณ 4.65% ถือเป็นหุ้นที่มีเป้าหมายชัดเจน สร้างธุรกิจที่เติบโตในระยะยาว และที่สำคัญมีการปันผลที่น่าสนใจให้กับผู้ถือหุ้นอีกด้วย ดังนั้นจึงเป็นอีกบริษัทที่นักลงทุนมองข้ามไม่ได้เลย