สำหรับคนเป็นพ่อแม่ ... ถ้าจะติดตามผลการ “ลงทุนทางการศึกษา” ของลูกหลาน พ่อแม่ผู้ปกครองก็คงต้องตามดู “สมุดพก” ที่โรงเรียนจะออกผลมาปีละ 2 ครั้ง คือเทอม 1 กับ เทอม 2 เป็นการบอกฝีมือการเรียนตลอดภาคเรียน
เช่นเดียวกับการลงทุน ก็จำเป็นอย่างยิ่งที่จะติดตามดู “สมุดพก” ของกิจการเช่นกัน ต่างกันตรงที่ผลการดำเนินงานของบริษัทออกปีละ 4 ครั้ง นั่นคือ ไตรมาส 1, 2, 3 และ งบปี
หัวใจสำคัญก็คือ นักลงทุนควรเข้าใจว่า ส่วนใดในงบการเงินมีความสำคัญอย่างไรต่อการตัดสินใจลงทุน เราไม่ได้เรียนรู้งบการเงินเพื่อลงบัญชี แต่เรา “ทำความเข้าใจ” ข้อมูลในงบการเงิน เพื่อหาโอกาสในการลงทุน
สำหรับนักลงทุนระยะสั้นถึงสั้นมาก(หรือนักเก็งกำไร) อาจจะเชื่อว่า ไม่จำเป็นต้องอ่านงบการเงินเลย เพราะไม่ได้ต้องการจะถือหุ้นยาวแบบนักลงทุนระยะยาว ที่ต้องคอยตามผลประกอบการผ่านงบการเงินอยู่เสมอ ผมขออนุญาต “ไม่เห็นด้วย” เพราะการซื้อหุ้นทุกครั้ง นักลงทุนควรได้อ่านงบการเงินแบบสรุปมาบ้าง ขอแค่ระดับดูผ่านๆ แล้วพบว่า มีรายได้ มีต้นทุนค่าใช้จ่ายอะไร และ มีกำไร มีที่มาที่ไปทางธุรกิจอยู่ หรือที่เรียกว่า “งบไม่เน่า”
เพราะเราควรหลีกเลี่ยงหุ้นเน่า ขาดทุนซ้ำซาก หนี้บานเบอะ ขาดทุนสะสมหนาปึ้ก ส่วนทุนใกล้ติดลบ หุ้นแบบนั้นอย่าไปยุ่งครับ ยิ่งเป็นนักลงทุนแนววีไอ จำเป็นอย่างยิ่งที่จะต้องตามดูงบการเงิน ซึ่งสาระสำคัญของงบการเงินที่นักลงทุนต้องดู มีอยู่ด้วยกันสามงบและหนึ่งรายงานคือ
1) งบกำไรขาดทุน (หรือ Income Statement)
ใช้ดูผลการดำเนินงาน เราต้องการหุ้นที่ รายได้เพิ่ม กำไรเพิ่ม ซึ่งควรสแกนดูทั้ง topline หรือ “รายได้” บรรทัดแรก และ bottom line หรือ “กำไรสุทธิ” บรรทัดสุดท้าย ทั้งสองตัวเลขสำคัญต้องเป็นบวกและควรจะเพิ่มขึ้น เมื่อเทียบกับปีที่แล้ว ไตรมาสที่แล้ว แต่การจะมีกำไรสุทธิเพิ่ม ก็ควรต้องมาจาก “รายได้เพิ่ม” ไม่ควรมาจากการลดต้นทุนอย่างเดียวเพราะเป็นการเพิ่มกำไรที่ไม่ยั่งยืน
2) งบแสดงฐานะการเงิน (หรือ งบดุล, Balance Sheet)
ใช้ดูฐานะและโครงสร้างทางการเงิน สิ่งที่เรามองหาจากงบดุล คือ หนึ่ง..คุณภาพสินทรัพย์ ต้องเป็นสินทรัพย์ที่พร้อมทำมาหากินและให้ประโยชน์ต่อผู้ถือหุ้น หลักๆคือ เงินสด ลูกหนี้ สินค้าคงคลังและที่ดินอาคารอุปกรณ์ สอง..สภาพคล่องกิจการ ธุรกิจควรมี สินทรัพย์หมุนเวียน(เงินสด,ลูกหนี้) มากกว่า หนี้สินระยะสั้น(เงินกู้สั้นที่ต้องชำระคืนใน 1 ปี) สาม..ความมั่นคงของกิจการคือดู D/E (Debt to Equity ratio) ธุรกิจที่หนี้สินล้นพ้นตัว ส่วนของเจ้าของบางเฉียบ...ไม่ดี เราชอบ D/E ไม่เกินสองเท่า ถ้า ”หนี้น้อย ส่วนทุนหนา” จะดูดี สี่..กำไรสะสม (Retain Earnings) คือ กำไรสุทธิที่เกิดจากการทำมาหากินของบริษัทนับตั้งแต่เริ่มตั้งบริษัทจนถึงปัจจุบัน บริษัทที่มีกำไรสะสมมาก แสดงถึงฝีมือทำมาหากินที่มีประสิทธิภาพ เพิ่มโอกาสปันผลสูง
3) งบกระแสเงินสด (หรือ Cash Flow Statement) ใช้ดูกระแสเงินสด
กระแสเงินสดสุทธิจากการดำเนินงาน แสดงกระแสเงินสดไหลเข้าออกจากการทำมาหากิน ซึ่งเงินสดส่วนนี้ บรรทัดสุดท้ายควรต้องเป็นบวก แปลว่าทำมาหากินแล้วสร้างเงินสด ไม่ใช่ผลาญเงินสด
กระแสเงินสดสุทธิจากการลงทุน แสดงการใช้เงินสดออกไปลงทุน ถ้าส่วนนี้เป็นลบแปลว่าดีเพราะแสดงว่ามีการนำเงินออกไปลงทุนสร้างผลตอบแทนเพิ่ม
กระแสเงินสดสุทธิจากการจัดหาเงิน ถ้าเป็นลบ แสดงว่าใช้เงินสดจ่ายออก เช่น ปันผลหรือชำระหนี้ แต่ถ้าส่วนนี้เป็นบวก แสดงว่ารับเงินสดเข้า เช่น กู้เงินเพิ่มหรือเรียกเพิ่มทุนเข้ามา ซึ่งนักลงทุนไม่ชอบ เป็นค่าลบ คือดี
4) หมายเหตุประกอบงบการเงิน (หรือ Notes to Financial Statement)
ใช้ดูขยายความรายการต่างๆในงบการเงินทั้งสาม ดูคดีความฟ้องร้อง และข้อมูลอื่นๆที่เกี่ยวข้อง
ก่อนลงทุนหุ้นตัวใด นักลงทุนควรรู้จักสแกนหุ้นจากงบการเงิน จะช่วยให้การลงทุนปลอดภัยมากขึ้น สามารถทำกำไรในตลาดหุ้นได้มากขึ้น เลี่ยงหุ้นที่ควรเลี่ยง ติดตามหุ้นที่ควรตามติด นี่เป็นการทำความรู้จักกับหุ้นที่เบสิกและได้ผลที่สุด