David Dunning เเละ Justin Kruger นักจิตวิทยาจากมหาวิทยาลัยคอร์เนล ได้ทำการทดลองโดยให้นักศึกษาประเมินความรู้ของตัวเอง หากเรียงลำดับ 1 ถึง 100 คิดว่าตัวเองน่าจะเก่งประมาณไหน
ผลลัพธ์คือ ทุกคนประเมินตัวเองเก่งหมด ไม่มีใครอยู่ต่ำกว่าที่ 50 เลยสักคนเดียว ทั้งสองคนเลยสรุปปรากฏการณ์นี้ว่า “ทุกคนมักจะมองเห็นตัวเองในแง่บวก หรือเก่งกว่าคนอื่นโดยเปรียบเทียบ”
และผลลัพธ์อีกข้อที่น่าสนใจคือ คนที่สอบได้คะแนนสูงสุด 25 อันดับแรก ประเมินว่าตัวเองน่าจะแย่กว่านี้ ส่วนคนที่สอบได้คะแนน 25 อันดับสุดท้าย กลับประเมินตัวเองว่าน่าจะได้อันดับสูงกว่านี้ พูดง่าย ๆ คือ “คนเก่งจริงมักคิดว่าตัวเองไม่เก่ง แต่คนที่โง่จริงกลับคิดว่าตัวเองเก่งกว่านั้น”
สาเหตุที่เป็นแบบนั้นก็เพราะว่า ตอนที่มีความรู้น้อย ๆ “เราไม่รู้ว่า เราไม่รู้อะไร” เราก็มักคิดเอาเองว่า เรารู้หมดแล้ว เราเก่งแล้ว แต่พอเวลาผ่านไป เราได้เรียนมากขึ้น ได้พบเจอคนเก่งมากขึ้น เราถึงได้รู้ว่า โลกนี้ยังมีอะไรอีกมากที่เราไม่รู้ เราช่างโง่เหลือเกิน เราจึงไม่มองว่าเราเก่ง
ถ้าหันมามองที่เรื่องของการลงทุนบ้าง หลายคนที่เริ่มเข้ามาลงทุนใหม่ ๆ ก็มักเจอปัญหาแบบ Dunning-Kruger Effect เช่นกัน บางคนคิดว่าตัวเองจบสูง เรียนเก่ง ทำงานเก่ง มีตำแหน่งใหญ่โตในบริษัท คิดว่าการลงทุนเป็นเรื่องง่าย มิหนำซ้ำพอลงทุนใหม่ ๆ เจออีกปรากฎการณ์คือ “Beginner’s Luck” หรือ โชคของมือใหม่ ซื้อหุ้นตัวไหนก็กำไรไปซะหมด แต่จริง ๆ แล้วหารู้ไม่ว่า เราอาจแค่โชคดี
พอลงทุนนานไป เริ่มพบกับการขาดทุน แต่เราก็ยังอวดฉลาดอยู่ นานวันเข้า ทุนเริ่มหาย ขาดทุนเริ่มหนัก จนกลายมาเป็น “Beginner’s Loss” และเริ่มได้เรียนรู้ว่า จริง ๆ แล้วเรานั้นโง่แต่อวดฉลาด สิ่งที่เราเรียนมาจากมหาวิทยาลัย หรือการทำงานประจำ มันไม่เหมือนกับในตลาดหุ้นทั้งหมด ยังมีคนเก่ง ๆ อีกมากมายที่เราไม่เคยเจอ ยังมีความรู้เรื่องหุ้นนอกตำราที่เราคาดไม่ถึง
บางคนโชคดีรู้ตัวทันก่อนหมดตัว บางคนโชคร้ายกว่าจะรู้ตัวเมื่อสาย เพราะฉะนั้นในโลกของการลงทุน Dunning-Kruger Effect อาจช่วยให้เราได้ตระหนัก ได้รู้จักตัวเอง ไม่ประมาท ทำให้เราไม่กลายเป็นคนโง่แต่อวดฉลาด ทำให้เราสามารถประสบความสำเร็จในการลงทุนได้แบบยั่งยืน
อ่านเรื่องนี้จบแล้ว ผมอยากถามเล่น ๆ ว่า
ถ้าสมมติว่าในตลาดหุ้นมีนักลงทุน 100 คน คุณคิดว่าความสามารถของคุณอยู่ลำดับที่เท่าไหร่ครับ