เข้าสู่ช่วงประกาศผลประกอบการแล้ว สิ่งที่นักลงทุนให้ความสนใจมากที่สุดคงจะเป็นเรื่องของ "กำไร" ส่วนเรื่องผลการดำเนินงาน หรือวิธีทางการตลาด ค่าใช้จ่าย มักจะไม่ให้ความสำคัญเท่าไร เพราะสุดท้ายแล้ว "กำไร" เป็นส่วนที่สำคัญที่สุด
แต่ในความเป็นจริงแล้ว นักลงทุนผู้มุ่งมั่นจำเป็นจะต้องดูให้ครบทุกส่วน ไม่ว่าจะเป็นการเติบโตของยอดขาย รายจ่าย หรือแม้แต่ "พัฒนาการสำคัญ" ของบริษัทว่าช่วง 3 เดือนที่ผ่านมาได้ทำอะไรไปบ้าง
อย่างไรก็ตาม ถ้าเราไม่ชำนาญทางด้านงบการเงิน ดูแล้วง่วง ดูแล้วไม่เข้าใจ ... นี้คึอ 4 สิ่งที่เราต้องรู้เกี่ยวกับกำไร มีอะไรบ้างมาดูกันครับ
1. กำไรพิเศษ -- นี้คือกำไรที่เกิดขึ้นจากเหตุการณ์พิเศษ เช่น ขายที่ดิน ขายกิจการ ขายสินทรัพย์บางอย่าง หรือมีกำไรจากอัตราแลกเปลี่ยน โดยส่วนใหญ่แล้วมักจะเกิดขึ้นเพียงครั้งเดียว ดังนั้นเราควรจะนำไป "ลบออก" เพื่อดูกำไรที่เกิดขึ้นจริง
ในทางกลับกัน ก็มีเรื่องของ "รายจ่ายพิเศษ" ซึ่งจะไปทำให้กดดันกำไรสุทธิของบริษัทได้ เราก็สามารถนำไปบวกกลับเพื่อหากำไรที่เกิดขึ้นจริงได้เช่นเดียว ถือเป็นโอกาสของนักลงทุนที่ชอบค้นหาและมั่นใจได้ว่าไตรมาสถัดไป หรือปีถัดไปจะกลับมาดีอีกแน่นอน เพราะนี้เป็นรายจ่านพิเศษ
2. ทุกครั้งที่ดูกำไร ควรจะดูในเรื่องของ "ภาษี" ด้วย -- โดยส่วนใหญ่แล้วบริษัทจดทะเบียนจะมีการจ่ายภาษีอยู่ที่ประมาณ 20-30% ของกำไรก่อนหักภาษี ซึ่งบางบริษัทจะดูดโดดเด่นเป็นพิเศษเพราะบริษัทได้รับยกเว้นสิทธิพิเศษทางภาษี ถ้าหมดสิทธิภิเศษแล้วอาจจะต้องจ่ายภาษีหนัก เรื่องนี้ไม่ควรมองข้าง
3. กำไรที่เกิดขึ้นเป็นบรีษัทที่ขายสินค้าโภคภัณฑ์หรือไม่ -- ส่วนใหญ่แล้วสินค้าโภคภัณฑ์จะมีลักษณะเป็น "รอบ" คือบริษัทเองก็ไม่สามารถควบคุมราคาขายได้เช่นเดียวกัน การซื้อวัตถุดิบในราคาถูก ผลิตแล้วขายในราคาแพงทำให้กำไรดูโดดเด่น ในทางกลับกันถ้าวัตถุดิบมีราคาสูงขึ้น บริษัทจำเป็นจะต้องสั่งมาในราคาแพงโดยไม่สามารถขึ้นราคาสินค้านั้นได้ ก็จะเป็นการกดดันกำไรที่เกิดขึ้นได้เช่นเดียวกัน
4. ส่อง Net Margin ทุกครั้ง -- Net Margin หรืออัตรากำไรสุทธิเป็นเรื่องสำคัญของบริษัท เป็นการบ่งบอกว่าการขายของ 100 บาท จะเหลือมาเป็นกำไรสุทธิของบริษัทประมาณกี่บาท ถ้าบริษัทนั้นมีอัตรากำไรสุทธิสูงมาก ก็จะเป็นการเปิดช่องให้กับคู่แข่งเข้ามาขายตัดราคาได้
ในขณะเดียวกัน บริษัทที่มีอัตรากำไรสุทธิไม่สูง ไม่เชิญชวนคู่แข่งมาก็จริง แต่นั้นเป็นการแสดงให้เห็นว่าบริษัทเองก็ลำบากเช่นเดียวกัน
โดยส่วนใหญ่แล้ว ...
อุตสาหกรรมค้าปลีกจะมี Net Margin อยู่ราวๆ 3-5%
อุตสาหกรรมการผลิตทั่วๆไปอาจจะอยู่ที่ 6-10%
อุตสาหกรรมโรงแรมและการบริการจะมี Net Margin สูงหน่อยประมาณ 20%
นี้ก็เป็น 4 ข้อสั้นๆของนักลงทุนเน้นคุณค่าที่เป็น "ภารกิจหลัก" ที่จะต้องค้นหาให้ได้ครับ ....