#แนวคิดด้านการลงทุน

กรณีศึกษา MONO เรตติ้งดี ใช่ว่าธุรกิจจะกำไร

โดย stock2morrow
เผยแพร่:
187 views

MONO หรือที่นักลงทุนเข้าใจว่าทำธุรกิจทีวีดิจิตอลช่อง MONO29 ได้ประกาศผลประกอบการออกมาขาดทุนมากถึง 177 ล้านบาท รวมในรอบ 9 เดือน ขาดทุนสุทธิสูงถึง 384 ล้านบาท สอดรับกับราคาหุ้นที่ร่วงลงมาอย่างต่อเนื่อง สร้างความผิดหวังให้กับนักลงทุนเป็นอย่างมากทั้งๆที่เรตติ้งของธุรกิจค่อนข้างดี แต่เพราะอะไรถึง ขาดทุน ?

 

แล้วราคานี้นักลงทุนยังคาดหวังอะไรได้อีกบ้าง ?

 

นอกจากธุรกิจทีวีดิจิตอลแล้ว MONO มีธุรกิจที่หลากยหลาย เช่นสื่อออนไลน์ สื่อวิทยุ ผลิตและให้บริการคอนเทนต์ ธุรกิจภาพยนตร์ กีฬา เกม คอมเมิร์ซ โดยมีสัดส่วนรายได้สำคัญ คือ
- รายได้จากการโฆษณา คิดเป็น 75%
- รายได้จากสมัครรับข้อมูลข่าวสารและบันเทิง 11.8%
- รายได้จากธุรกิจภาพยนตร์  3.4%
- รายได้จากธุรกิจกีฬา 1.7%
- รายได้จากธุรกิจเพลง 1.6%
- อื่นๆ 1.3%

 

จะเห็นได้ว่าถ้านักลงทุนสนใจหุ้น MONO จำเป็นจะต้องศึกษาในธุรกิจทีวีดิจิตอลและการโฆษณา ซึ่งที่ผ่านมา MONO มีเรตติ้งที่ดีมาโดยตลอดติดอันดับ 1-3 อันดับแรกอย่างต่อเนื่อง แต่ธุรกิจกลับไม่มีกำไรอย่างเป็นเนื้อเป็นหนังให้กับนักลงทุนที่ถือหุ้นเลย

 

ในปี 2561 MONO ขาดทุนมากถึง 193 ล้านบาท ในขณะที่รายได้จากธุรกิจทีวีโตมากถึง 15% โดยสาเหตุหลักที่ขาดทืทุน คือธุรกิจบริการ SMS ผ่านมือถือ ถึงแม้ว่าบริษัทจะมีการปรับค่าโฆณาเพิ่ม หารายได้ใหม่ๆแต่ก็ยังไม่เพียงพอ

 

ล่าสุดไตรมาส 3/2562 บริษัทรายงานผลประกอบการขาดทุน 177 ล้านบาท ทำให้มีขาดทุนรวม 9 เดือนหนักถึง 384 ล้านบาท โดยรวมแล้วรายได้หลักลดลงแทบทุกหมวดหมู่
- รายได้จากสื่อโฆษณา ลดลง 7.8%
- รายได้บริการ SMS ผ่านมือถือ ลดลง 27%
- ทำให้รายได้รวมลดลง 8.6% โดยได้ธุรกิจสตีมมิ่งภาพยนตร์ MONOMAX และรายได้จากสปอนเซอร์ชิปเข้ามาช่วยไว้

 

ที่น่าสนใจคือ ธุรกิจ MONOMAX มีรายได้เติบโต 100% จาก 7.7 ล้านบาท เพิ่มมาเป็น 15.4 ล้านบาท และธุรกิจสปอนเซอร์ชิปเติบโต 228%

 

บริษัทชี้แจงว่ารายได้สื่อโฆษณาลดลงเพราะมีการแข่งขันรุนแรง และเป็นปัจจัยหลักที่ทำให้ผลประกอบการของบริษัทยังขาดทุนอยู่

 

บล.ทิสโก้ วิเคราะห์ว่า MONO ขาดทุนสูง จากต้นทุนคอนเทนท์ที่ยังสูง ถึงแม้บริษัทจะพยายามหาช่องทางรายได้ใหม่ๆแต่ก็ยังไม่เพียงพอจะมาชดเชยกับธุรกิจสื่อโฆษณาที่มีการแข่งขันสูงเพื่อแย่งชิงเรตติ้ง ยังแนะนำ "ขาย"

 

ก็ถือว่าเป็นกรณีศึกษาที่น่าสนใจ ธุรกิจที่มีเรตติ้งดีสามารถชิงเวลาของคนดูได้ แต่ถ้าให้พูดถึงกำไรแล้วกลับไม่ได้เติบโตตามเรตติ้งที่ควรจะเป็น แต่ทั้งนี้ก็เห็นความพยายามของบริษัทที่หาช่องทางรายได้ใหม่ๆแต่ก็ยังไม่เพียงพออยู่ดี ต้องให้เวลาและจับตาดูกันต่อไป

 

หรืออาจจะเป็นอย่างที่ ดร.นิเวศน์ เคยกล่าวเอาไว้ "ในฐานะนักลงทุน VI แล้วธุรกิที่มีการแข่งขันรุนแรง เราจะคาดหวังผลตอบแทนคงเป็นเรื่องยากและไม่คุ้มค่า"


ศูนย์รวมความรู้เรื่องหุ้น ศูนย์รวมนักลงทุนรายย่อย ที่อยากรู้วิธีการลงทุนในหุ้นอย่างถูกต้องและได้กำไรอย่างยั่งยืน ติดตามเราได้ที่

www.stock2morrow.com 

FB: stock2morrow 

LINE@stock2morrow

FacebookInstagramYoutubeLine

บทความอื่น ๆ ที่เกี่ยวข้อง