MONO หรือที่นักลงทุนเข้าใจว่าทำธุรกิจทีวีดิจิตอลช่อง MONO29 ได้ประกาศผลประกอบการออกมาขาดทุนมากถึง 177 ล้านบาท รวมในรอบ 9 เดือน ขาดทุนสุทธิสูงถึง 384 ล้านบาท สอดรับกับราคาหุ้นที่ร่วงลงมาอย่างต่อเนื่อง สร้างความผิดหวังให้กับนักลงทุนเป็นอย่างมากทั้งๆที่เรตติ้งของธุรกิจค่อนข้างดี แต่เพราะอะไรถึง ขาดทุน ?
แล้วราคานี้นักลงทุนยังคาดหวังอะไรได้อีกบ้าง ?
นอกจากธุรกิจทีวีดิจิตอลแล้ว MONO มีธุรกิจที่หลากยหลาย เช่นสื่อออนไลน์ สื่อวิทยุ ผลิตและให้บริการคอนเทนต์ ธุรกิจภาพยนตร์ กีฬา เกม คอมเมิร์ซ โดยมีสัดส่วนรายได้สำคัญ คือ
- รายได้จากการโฆษณา คิดเป็น 75%
- รายได้จากสมัครรับข้อมูลข่าวสารและบันเทิง 11.8%
- รายได้จากธุรกิจภาพยนตร์ 3.4%
- รายได้จากธุรกิจกีฬา 1.7%
- รายได้จากธุรกิจเพลง 1.6%
- อื่นๆ 1.3%
จะเห็นได้ว่าถ้านักลงทุนสนใจหุ้น MONO จำเป็นจะต้องศึกษาในธุรกิจทีวีดิจิตอลและการโฆษณา ซึ่งที่ผ่านมา MONO มีเรตติ้งที่ดีมาโดยตลอดติดอันดับ 1-3 อันดับแรกอย่างต่อเนื่อง แต่ธุรกิจกลับไม่มีกำไรอย่างเป็นเนื้อเป็นหนังให้กับนักลงทุนที่ถือหุ้นเลย
ในปี 2561 MONO ขาดทุนมากถึง 193 ล้านบาท ในขณะที่รายได้จากธุรกิจทีวีโตมากถึง 15% โดยสาเหตุหลักที่ขาดทืทุน คือธุรกิจบริการ SMS ผ่านมือถือ ถึงแม้ว่าบริษัทจะมีการปรับค่าโฆณาเพิ่ม หารายได้ใหม่ๆแต่ก็ยังไม่เพียงพอ
ล่าสุดไตรมาส 3/2562 บริษัทรายงานผลประกอบการขาดทุน 177 ล้านบาท ทำให้มีขาดทุนรวม 9 เดือนหนักถึง 384 ล้านบาท โดยรวมแล้วรายได้หลักลดลงแทบทุกหมวดหมู่
- รายได้จากสื่อโฆษณา ลดลง 7.8%
- รายได้บริการ SMS ผ่านมือถือ ลดลง 27%
- ทำให้รายได้รวมลดลง 8.6% โดยได้ธุรกิจสตีมมิ่งภาพยนตร์ MONOMAX และรายได้จากสปอนเซอร์ชิปเข้ามาช่วยไว้
ที่น่าสนใจคือ ธุรกิจ MONOMAX มีรายได้เติบโต 100% จาก 7.7 ล้านบาท เพิ่มมาเป็น 15.4 ล้านบาท และธุรกิจสปอนเซอร์ชิปเติบโต 228%
บริษัทชี้แจงว่ารายได้สื่อโฆษณาลดลงเพราะมีการแข่งขันรุนแรง และเป็นปัจจัยหลักที่ทำให้ผลประกอบการของบริษัทยังขาดทุนอยู่
บล.ทิสโก้ วิเคราะห์ว่า MONO ขาดทุนสูง จากต้นทุนคอนเทนท์ที่ยังสูง ถึงแม้บริษัทจะพยายามหาช่องทางรายได้ใหม่ๆแต่ก็ยังไม่เพียงพอจะมาชดเชยกับธุรกิจสื่อโฆษณาที่มีการแข่งขันสูงเพื่อแย่งชิงเรตติ้ง ยังแนะนำ "ขาย"
ก็ถือว่าเป็นกรณีศึกษาที่น่าสนใจ ธุรกิจที่มีเรตติ้งดีสามารถชิงเวลาของคนดูได้ แต่ถ้าให้พูดถึงกำไรแล้วกลับไม่ได้เติบโตตามเรตติ้งที่ควรจะเป็น แต่ทั้งนี้ก็เห็นความพยายามของบริษัทที่หาช่องทางรายได้ใหม่ๆแต่ก็ยังไม่เพียงพออยู่ดี ต้องให้เวลาและจับตาดูกันต่อไป
หรืออาจจะเป็นอย่างที่ ดร.นิเวศน์ เคยกล่าวเอาไว้ "ในฐานะนักลงทุน VI แล้วธุรกิที่มีการแข่งขันรุนแรง เราจะคาดหวังผลตอบแทนคงเป็นเรื่องยากและไม่คุ้มค่า"