"ขึ้น 5 ลง 3" คิดได้ไง …พื้นฐานมันเป็น logic อยู่แล้ว …คุณลองคิดดู ตามหลักของ "ทุนนิยม" คือ เงินลดมูลค่า ในขณะที่ Asset ราคาเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ เราเรียกมันว่า "เงินเฟ้อ"
จะเห็นได้ว่า Elliot Wave ใช้หลัก ทางสายกลาง + "เงินเฟ้อ" (ผมไม่รู้ว่าคนคิดเขาไปเกี่ยวข้องกับ ขงจื้อแบบไหน แต่มันก็ไม่หนีกันเท่าไหร่) ..
ดังนั้น หากเรามองว่าทุกอย่างเมื่อมันขึ้นฉีกออกจากค่าเฉลี่ยของมันมากเท่าไหร่ มันก็จะเหวี่ยงกลับลงมา แรงพอๆกัน (แต่เผอิญโลกเราจะ + เงินเฟ้อ อยู่ตลอดทำให้การขึ้นมากกว่าการลง
หลักการขึ้นของหุ้น ย่อมอยู่บนพื้นฐานของความจริง คือ ถ้าเราสังเกตุธรรมชาติให้ดี ไม่ว่าการขึ้นของอะไรก็ตาม มันจะมีการไต่ระดับ เช่น นกบิน .. มันจะค่อยๆขึ้น ไม่ใช่ขึ้นพุ่งตรงสุดฟ้า แบบนั้นไม่ใช่
ดังนั้น การขึ้นของหุ้น จะเป็นการขึ้นเป็นจังหวะ ส่วนเวลาลงก็ลงเป็นจังหวะ
"จังหวะ" เหล่านี้นั้นเอง คือ ช่องว่างที่ Trader เข้าทำกำไร -- โดย Trader ที่มีประสบการณ์ จะแทรกตัวทำกำไรแทบจะทุกรอบของจังหวะ (แต่บางคน เล่นวันนึงหลายรอบ ซึ่งตรงนี้มองว่า
... "มันเหนื่อยเปล่า"...
เพราะการทำกำไรในช่วงจังหวะที่สั้นหรือแคบเกินไป ค่าธรรมเนียมกินหมด)…กรณีนี้ ถ้าคุณเป็น prop Trade ไม่เกี่ยวเพราะเขาไม่เสียค่าธรรมเนียมในการซื้อขาย
สรุปแล้ว การทำกำไรของ Trader จึงอาศัยประสบการณ์ และ การมองจังหวะ เป็นสำคัญ ซึ่งในมุมมองของพวกเราชาว Monkey Trade จะเล่นในช่วงที่กว้างหน่อย อย่างน้อยๆก็ต้อง let profit run ให้สุดรอบที่ค่อนข้างใหญ่นั่นเอง