เคยสงสัยกันไหมครับว่ากระแสฮือฮาเรื่อง 5G มันมีที่มาที่ไปอย่างไร มันต่างกับสิ่งที่เป็นอยู่ทุกวันนี้อย่างไร และมันมีมุมธุรกิจอะไรที่จับต้องได้มากกว่าแค่เรื่องความเร็วของอินเตอร์เน็ตหรือไม่
ประวัติย่อของ 5G
เริ่มจากเทคโนโลยี 1G ที่เน้นเฉพาะการติดต่อสื่อสารผ่านเสียงโดยใช้ระบบอนาล็อก มาเป็นยุค 2G ที่พัฒนามาเป็นระบบ Digital เพิ่มความสามารถในการส่งข้อความและรูปภาพได้
ถัดมายุค 3G เป็นจุดเปลี่ยนสำคัญ โดยเฉพาะอย่างยิ่ง Always-on mobile internet broadband ซึ่งช่วยเปิดทางให้โทรศัพท์ในสมัยนั้นได้พัฒนามาเป็น Smartphone ที่เราคุ้นเคยในปัจจุบัน และในช่วงปี 2010 เองกลายเป็นช่วงที่ยุค 4G ถือกำเนิดขึ้น ผลให้ความเร็วสูงสุดของ
Mobile internet broadband ในยุคนี้เพิ่มขึ้นกว่า 7 เท่าเมื่อเทียบกับยุค 3G เลยทีเดียว
5G คืออะไร? สำคัญอย่างไร?
หนึ่งในความจำเป็นของเทคโนโลยี 5G ที่สำคัญที่สุดก็คือการเพิ่มขีดความสามารถในการรองรับ Traffic ที่สูงขึ้น
Samsung คาดการณ์ไว้ว่าปริมาณการใช้งานอินเทอร์เน็ตในอนาคตจะเพิ่มขึ้นสูงขึ้น 100GB ต่อเดือน ซึ่งล้อกับตัวเลขจากการคาดการณ์ของ McKinsey ที่คาดว่าภายในปี 2025 ความหนาแน่นของปริมาณการใช้อินเทอร์เน็ตจะสูงขึ้นเป็นกว่า 1-2 petabytes หรือกว่า 1-2 ล้าน GB ต่อตารางกิโลเมตรต่อปี ซึ่งเพิ่มขึ้นกว่า 4 เท่าเมื่อเทียบกับปี 2017 "เหตุมาจากการใช้งานอินเตอร์เน็ตที่แพร่หลายมากขึ้นและจากเทคโนโลยีใหม่ๆ ที่กระหายข้อมูลกว่าเก่า เช่น Video live streaming 360º ความละเอียด 8k รถยนต์ไร้คนขับ ฯลฯ "
5G ต่อยอดธุรกิจในเชิงไหนได้บ้าง
ณ เวลาที่เขียนบทความนี้ ด้วยความเร็วที่มากกว่า 4G ถึง 20 เท่า และความสามารถในการรองรับ traffic volume ที่สูงขึ้น HIS Markit คาดว่าเทคโนโลยี 5G จะสามารถเพิ่มรายได้ให้กับอุตสาหกรรมต่างๆ รวมแล้วถึง 12.3 ล้านล้านดอลลาร์สหรัฐหรือกว่า 4.6% ของ GDP โลก
การเชื่อมต่อระหว่างรถและสิ่งแวดล้อม เช่น สัญญาณไฟจราจรป้ายจราจรต่างๆ ตลอดจนการเชื่อมต่อระหว่างรถและคนเดินถนนก็ควรเกิดขึ้น
ยกตัวอย่างเช่น เมื่อมีคนข้ามถนนสัญญาณจากโทรศัพท์จะเข้าไปแจ้งเตือนรถให้หยุดรอคนข้ามเป็นต้น ทั้งนี้ การเชื่อมต่อดังกล่าวต้องอาศัยความเร็ว ความเสถียร และความสามารถในการรับ volume อันมหาศาลส่งผลให้เทคโนโลยี 5G จึงเข้ามามีบทบาทอย่างมากในการเป็นตัวกลางที่เชื่อมต่อระหว่างรถกับสิ่งรอบๆ รถ
2. Smart healthcare- ภาคสาธารณสุขถือว่าเป็นอีกอุตสาหกรรมหนึ่งที่เทคโนโลยี 5G สามารถเข้ามามีบทบาทได้มากเนื่องด้วยปริมาณข้อมูลอันมหาศาลที่ถูกสร้างขึ้นตลอดเวลา
5G จะเป็นตัวกลางในการเชื่อมต่อโรงพยาบาลกับคนไข้ผ่านอุปกรณ์ IoT sensors อย่าง wearable device ทำให้แพทย์สามารถดูแลคนไข้อย่างใกล้ชิดและทันท่วงทีมากขึ้น
5G ยังเปิดทางให้กับธุรกิจและบริการแนว Digital therapeutics ด้วย ที่ทำให้การทำหัตถกรรมทางการแพทย์ที่ยากและละเอียดอ่อนมากๆ ทำผ่านทางไกลได้ ผ่านการใช้ทั้ง Virtual reality (VR) Augmented reality (AR) และ Robotics
ยกตัวอย่างเช่น แพทย์ที่โรงพยาบาล Guangdong Provincial People’s Hospital ในมณฑลกวางตุ้ง สาธารณรัฐประชาชนจีนทำการผ่าตัดช่วยชีวิตหญิงคนหนึ่งที่หัวใจล้มเหลวจากความผิดปกติตั้งแต่กำเนิดในโรงพยาบาลเมือง Gaozhou ผ่านหุ่นยนต์ผ่าตัดทางไกลโดยใช้เทคโนโลยี 5G เชื่อมต่อและทำการผ่าตัดโดยหุ่นยนต์
3. Smart City- หัวใจหลักของ smart city คือการเชื่อมต่ออย่างไร้รอยต่อของอุปกรณ์ต่างๆ เข้าด้วยกัน หลายๆส่วนประกอบของ Smart city initiatives ต่างต้องใช้การเชื่อมต่อดังกล่าวทั้งสิ้น ทั้งระบบ Smart grid ส่งจ่ายไฟฟ้าอัจฉริยะที่ทำให้ผู้ใช้สามารถทราบปริมาณการใช้ไฟฟ้าอย่าง real-time หรือ ระบบ Smart surveillance system ที่ต้องส่งต่อข้อมูลวีดิโอ ภาพเสียง และข้อมูลจาก sensors ที่ติดทั่วไปทั่วเมืองปริมาณมหาศาลเพื่อทำการวิเคราะห์ computer vision ต่างๆ เพื่อเฝ้าระวัง รวมถึงการแจ้งเตือนสัญญาณเตือนภัยแบบ real-time