ถ้าถามว่า "หุ้นแห่งปี" ขวัญใจนักลงทุนเป็นหุ้นตัวไหน เชื่อว่าหุ้น PTTGC จะต้องติดโผ 10 อันดับแรกอย่างแน่นอน นักลงทุนบางคนอาจจะรู้สึกผิดหวังที่ราคาหุ้นร่วงลงมาแรง บางกลุ่มก็มองว่าเป็นโอกาสที่ดีในการเข้าลงทุน
แต่นักลงทุนเคยตั้งคำถามไหมว่า ถ้าเราตัดประเด็นเรื่องราคาหุ้นออกไป ปันผลที่เราได้จากหุ้น PTTGC จะได้กี่ครั้ง และรวมทั้งหมดกี่บาท ?

หุ้น PTTGC เกิดจากการควบรวมกิจการของ 2 บริษัทในเครือ PTT คือ PTTAR และ PTTCH (ไม่รู้ว่ามีใครทันไหมครับ) เมื่อเดือนตุลาคม ปี 2554 ช่วงที่เกิดน้ำท่วมกรุงเทพพอดิบพอดี

PTTAR ทำธุรกิจผลิตปิโตรเคมีและการกลั่น
PTTCH ทำธุรกิจผลิตเคมีคอล
ซึ่งเข้าใจว่าทั้งสองบริษัททำธุรกิจใกล้เคียงกันแต่ต่างกันทางด้านผลิตภัณฑ์ทางเคมี

โดย อัตราส่วนของหุ้นใหม่ที่จะได้รับคือ ....

- หุ้น PTTAR 1:0.501296791 หุ้น PTTGC
- หุ้น PTTCH 1:1.980122323 หุ้น PTTGC

เทรดครั้งแรกวันที่ 28 ตุลาคม ปี 2554 เปิดที่ราคา 65 บาท  ราคาหุ้นแกว่งผันผวนไม่ไปไหนหลายปี จนทำจุดต่ำสุดใหม่ที่ราคา 44 บาท ในเดือนมกราคาปี 2559 และเป็นขาขึ้นรอบใหญ่จบรอบที่ 105 บาท เมื่อเดือนเมษายน ปี 2561 .... เป็นหุ้นที่ราคาผันผวนจริงๆ

แต่รู้หรือไม่ว่า ... ถ้าเราตัดประเด็นเรื่องราคาหุ้นไป ถือไว้เฉยๆตั้งแต่เปิดตลาดเป็นระยะเวลาถึง 8 ปี เราจะได้ปันผล 16 ครั้ง (ปีละ 2 ครั้งแบบสม่ำเสมอ) รวมเป็นเงินที่ได้มากถึง 25.62 บาท !!!!  

ลองคิดแบบง่ายๆ ถ้าสมมุติว่าเรามีหุ้น PTTGC อยู่ 10,000 หุ้น ที่ราคา 65 บาท แสดงว่าเราใช้เงินทั้งหมด 650,000 บาท ถือมันไว้เฉยๆ 8 ปี เราจะได้ปันผลมากถึง  250,620 บาท ซึ่งคิดเป็นเกือบครึ่งหนึ่งของเงินที่ลงทุนไปเลยทีเดียว

นอกจากนี้ สิ่งที่เราไม่ควรมองข้ามเลยคือ PTTGC เป็นหุ้นที่มีปันผลเพิ่มขึ้นทุกปี ... นั้นหมายความว่า เราจะได้เงินเฉลี่ยเพิ่มมากขึ้นจากการถือครองไว้เฉยๆ

แน่นอนว่า บางคนอาจจะรู้สึกว่าปันผลน้อย เก็งกำไรเพียงเดือนเดียวก็สามารถหาเงินเป็นแสนได้แล้ว แต่นี้ต้องใช้เวลาต้ัง 8 ปี ถึงจะได้จับเงิน 2 แสน แต่เราอย่าลืมว่าการเก็งกำไรมี "ความเสี่ยง"
 

เราสามารถทำกำไรได้มากๆ จากการซื้อๆขายๆ แต่เราก็ขาดทุนหนักๆได้จากการเก็งกำไรเช่นเดียวกัน การที่เราคาดหวังว่าจะได้กำไรเป็นการมองเหรียญเพียงด้านเดียว (คือได้แน่นอน แต่ไม่ได้มองว่าเราอาจจะขาดทุนได้เช่นกัน) ในขณะที่การมองเพื่อรับปันผล เรามั่นใจได้ว่าสร้างกระแสเงินสดให้เราได้ทุกปี ถึงแม้ว่าจะขาดทุนจากส่วนต่างราคาหุ้นก็ตาม

ทั้งนี้ การมองแต่ปันผลก็เป็นเรื่องอันตราย เราต้องมั่นใจได้ว่าคุณภาพของธุรกิจมีดีมากแค่ไหน รายได้และกำไรในอนาคตจะลดลงไหม ถ้ารายได้เพิ่มขึ้น กำไรเพิ่มขึ้น บริษัทก็ยังคงจ่ายปันผลต่อไป