เรื่องแบบนี้ ต้องดูกราฟประกอบให้เห็นกันไปครับ
จากภาพจะเห็นช่วง Highlight สีฟ้าที่ผมทำไว้ คือ ช่วงปลายปีตั้งแต่ปี 2009 เป็นต้นมา
หากเราซื้อกองทุน LTF ที่ลงทุนในหุ้นใหญ่ในดัชนี SET50 ถือว่าได้ผลตอบแทนที่ไม่เลวเลย
เช่นในปี 2009 – 2010 ดัชนี SET50 ให้ผลตอบแทน 70 กว่า %
หรือในปี 2012 – 2013 ที่ตลาดให้ผลตอบแทนมากกว่า 20% ซึ่งถือว่าชนะตลาดแบบขาดลอย
อย่างไรก็ดี ในปี 2011- 2012 ตลาดหุ้นมีความผันผวนสูงมาก และให้ผลตอบแทนปีชนปีไม่ถึง 10%
ในขณะที่ถ้าไปซื้อกองหุ้นในปี 2013 แล้วมาดูพอร์ทอีกทีปี 2014 อาจจะตกใจกับ NAV ที่ติดลบไปกว่า 7%
+++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++
ข้อคิดที่เราได้จากภาพ SET50 ห้าปีย้อนหลังน่าจะมีอย่างน้อย ”สามช้อ”
+++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++
1. การซื้อกองทุน LTF ที่ลงทุนในกองหุ้นช่วงปลายปี
ไม่ใช่ช่วงที่ ”ราคาถูกที่สุด” แต่เป็นช่วงที่หุ้นมีโอกาสไปต่อสูง ในเดือน ต่อๆมา
2. ตลาดหุ้นไม่ใช่ความเสี่ยง และความผันผวนก็ไม่ใช่ความเสี่ยง
เพราะความผันผวนถือเป็นส่วนประกอบหนึ่งของการลงทุนที่แยกกันไม่ได้
แต่ถ้าเราลงทุนได้ถูกที่ถูกเวลา เราจะสามารถเปลี่ยนความผันผวนเป็นกำไรได้แบบมหาศาล
และนี่คือที่มาของคำว่า “ High risk High Return ”
3. การลงทุนไม่ใช่การฝากเงินไว้ในกองทุนแล้วปล่อยทิ้งไว้เฉยๆ
และหวังผลตอบแทนไม่ต่ำกว่าสองหลักทุกปี
แต่การลงทุนคือการติดตามผลการดำเนินงาน การติดตามข่าวสารอย่างน้อยอาทิตย์ละครั้ง
เพราะอย่าลืมว่าเงินที่เราฝากเข้ากองทุนไป ก็คือ “เงินของเรา” อยู่ดี
เรียนรู้การลงทุนเพิ่มเติมตั้งแต่วันนี้ครับ
เรื่องหุ้น ไม่ได้ไกลตัวขนาดนั้น !!