ในช่วง 2 ปีที่ผ่านมา มีหุ้นจำนวนมากที่ออกขาย IPO ด้วยค่า PE ที่สูงมากๆ
แล้วก็ถูกเทขายออกมาตั้งแต่วันแรกๆ จนทำให้ราคาหลุดต่ำจอง ด้วยเหตุผลรองรับภายหลังมากมาย เช่น เจ้าของเดิมถือหุ้นทุนต่ำไม่ติด silent period
หรือ บางตัวมาโทษรายย่อยก็มี โทษว่าเป็นพวก “ราคาไม่ไป…ฉันต้องไปก่อน”
ว่าไปนั่น
และสุดท้าย หุ้นพีอีแพงๆ ก็ลงมาเล่นกันที่ระดับ PE ที่ตลาดมองว่าเหมาะสม
.
.
แต่ To be Fair
ก็ต้องไม่ลืมว่า P/E นั้น ตัวเลขที่แสดงเป็น Trailing P/E หรือพีอีตามหลัง คือ เอา Price มาหารด้วยกำไรต่อหุ้นย้อนหลัง 12 เดือน
เพราะ “การซื้อหุ้น คือ การซื้อกำไรอนาคต”
ก็ต้องมาดูว่า กำไรในอนาคตมันจะเป็นอย่างไร
.
.
ธุรกิจของ AWC แบ่งเป็น 3 ธุรกิจหลัก คือ
1.ธุรกิจโรงแรม
เช่น แมริออท , โอกุระ , บันยันทรี ,ฮิลตัน และเชอราตัน ฯลฯ
2.ธุรกิจห้าง(อสังหาฯเพื่อการพาณิชย์)
เช่น ศูนย์การค้าและสถานที่ท่องเที่ยวแนวไลฟ์สไตล์ เช่น ห้าง Gateway Ekkamai, Gateway Bangsue, Asiatique Riverfront
3.ธุรกิจสนง.เช่า
เช่น อาคารเอ็มไพร์ ทาวเวอร์ ,อาคารแอทธินี ทาวเวอร์ ,อาคาร 208 วายเลสโร้ด และอาคารอินเตอร์ลิงค์ ทาวเวอร์
คุณภาพสินทรัพย์และโครงการปัจจุบัน ถือว่าไม่ธรรมดา อะฮ้าไม่ธรรมดา ถ้าออกเป็นกองรีท คงขายหมดเกลี้ยง
มาดูโครงการใหม่ๆในอนาคตของ AWC
เขามีหลายโครงการ เช่น โครงการเอเชียทีค เดอะ ริเวอร์ฟร้อนท์ ส่วนต่อขยาย (เฟส 2) โรงแรมแบงค็อกแมริออท ดิ เอเชียทีค (Bangkok Marriott The Asiatique) โรงแรมเจริญกรุง 93 และอื่นๆอีกมากมายหลายแห่ง ตามหนังสือชี้ชวน
ในส่วนของโครงการใหม่ คงต้องรอให้เสร็จ รอให้ทำการตลาด มีลูกค้า มีรายได้ มีกำไร แล้วจะได้ดึงค่าพีอีลง
ดังนั้น ราคา IPO ที่ขายก็ต้องบอกว่าเป็นการ "ขายอนาคต" ด้วย ไม่ใช่ขายธุรกิจปัจจุบันอย่างเดียว
.
.
ในแง่พีอี ... AWC พี่มีสูงมาก
ถ้าเราจะดูพีอีของหุ้นที่ทำธุรกิจคล้ายๆกันและอยู่ในตลาดหุ้นอยู่แล้ว
CENTEL P/E 23 (โรงแรม)
MINT P/E 36 (โรงแรม)
ERW P/E 33 (โรงแรม)
CPN P/E 28 (ศูนย์การค้า)
PLAT P/E 20 (ศูนย์การค้า)
การประเมิน PE 200 กว่า ของ AWC จึงไม่อาจปฏิเสธได้ว่า .... มันดูแพงจริงๆ
อย่างไรก็ตาม นี่เป็นการประเมินโดยใช้ EPS หรือผลประกอบการในอดีตมาเป็นตัวชี้วัด
ยังไม่ได้นำเอารายได้ที่จะเกิดขึ้นจากโครงการใหญ่อีกมากมายมารวมคำนวณด้วย
.
.
บางท่านอาจถามว่า
.
=======================
แล้วทำไมเราต้อง "จ่ายแพง" เพื่อซื้ออนาคต
ที่ไม่ชัวร์ด้วยล่ะวะครับ ?
=======================
.
เอาจริงๆนะ ... หุ้น IPO ส่วนใหญ่ก็ขายอนาคตกันทั้งนั้น
มันมีธุรกิจจริงๆอยู่ใน Pipeline จะไม่ให้เขาประเมินเข้าไปใน Valuation ก็คงไม่ได้อีก
แต่อนาคตมันมีความไม่แน่นอน และผู้ลงทุนควรต้องรับรู้ความเสี่ยงในจุดนี้
เพราะในอดีต 2 ปีที่ผ่านมานี้ มันมีหุ้นที่ "ผิดคาด" จากที่หวังไว้ จำนวนไม่น้อยเลย
.
.
สุดท้าย บางคนอาจจะใส่ factor เจ้าของผู้นามกระเดื่อง
ชายผู้ซื้อทุกอย่างที่ขวางหน้า .... ชื่อชั้นของบุรุษที่ร่ำรวยที่สุดในประเทศไทย
ซึ่งผมว่ามันก็ไม่ชัวร์เสมอไปนะ ว่า “หุ้นเจ้าสัว” ต้องขึ้นทุกตัว
ลองดู BJC, GOLD, UV ก็เป็นหุ้นเจ้าสัวนะครับ ราคามีขึ้นมีลง ธุรกิจคือธุรกิจ จะไปผูกกับตัวบุคคลเจ้าของอย่างเดียวคงไม่ได้
อย่าลืมว่า เจ้ามือตัวจริงหุ้น คือ กำไร
.
.
สรุป เป็นหุ้น Big Cap ที่รวบรวมโครงการอสังหาฯเพื่อเช่า เพื่อค้าไว้มากมาย
การติด SET50 ตั้งแต่จุติ ก็ทำให้เป็นเป้าของกองทุนต่างๆ
ในแง่ราคา ก็มีการขายเผื่ออนาคตไว้ด้วย เราก็ต้อง Bet กับภาวะธุรกิจโรงแรม ธุรกิจห้าง และธุรกิจสำนักงานให้เช่ากลางเมือง ในอนาคตไปด้วย นะครับนะ
-------------------------------
ปล. AWC เปิดรับจองซื้อหุ้นไอพีโอ 25-27 ก.ย.นี้ ผู้ลงทุนควรทำความเข้าใจลักษณะสินค้า เงื่อนไขผลตอบแทนและความเสี่ยงก่อนตัดสินใจลงทุน