ราคาหุ้น STEC ร่วงลงแรงทำจุดต่ำสุดในรอบ 13 เดือน จากความกังวลที่ว่า อัตรากำไรขั้นต้นจะออกมาต่ำกว่าคาด ราคาหุ้นลงต่ำสู่จุดต่ำสุดในรอบ 13 เดือน อยู่ที่ประมาณ 18.20 บาท
บริษัท STEC ประกอบธุรกิจก่อสร้างงานทุกประเภททั้งงานโยธาและ งานเครื่องกล เช่น งานด้านระบบสาธารณูปโภค งานด้านอาคาร งานด้านพลังงาน งานด้านอุตสาหกรรม และ งานด้านสิ่งแวดล้อม เป็นต้น
บล.เมย์แบงค์ กิมเอ็ง กล่าวว่า อัตรากำไรขั้นต้นใน Backlog 5-6% ลดลงจากคาดการณ์เดิม 7-8% คาดจะผ่านจุดต่ำสุดในไตรมาส 2Q62 ไปแล้ว แนวโน้มครึ่งหลังปี 2562 และ ปี 2563 จะดีขึ้น จากยอดรับรู้รายได้ที่มากขึ้น แต่เราคาดกำไรจะไม่เด่นนักเนื่องจากอัตรากำไรขั้นต้นที่ต่ำ เราคงประมาณการอัตรากำไรขั้นต้นงานก่อสร้าง 5.75% ทำให้กำไรรวมปี 2562 จะเท่ากับ 1,207 ล้านบาท ลดลง 25%
บล.ฟินันเซีย กล่าวว่า ผลประกอบการถูกกดดันจากมาร์จิ้น ปรับประมาณการลดลง อัตรากำไรขั้นต้นที่อ่อนแอใน 2Q19 คาดเป็1นจุดต่ำสุด ก่อนฟื้นตัวอย่างค่อยเป็น ค่อยไป แต่คาดกำไรยังไม่กลับไปอยู่ในระดับเดิมได้ เนื่องจากงานที่มารจิ้นสูงมีสัดส่วนที่ลดลง อย่างไรก็ตามถูกบรรเทาผลกระทบด้วยการรับรู้รายได้จาก Backlog ที่แขง็แกร่ง 9.3 หมื่นล้านบาท และมีโอกาสรับงานเข้ามาเติมอีกมาก เราปรับลดประมาณการปี 2019-2020 ลงเฉลี่ย 30% ต่อปีเป็นหดตัว -36% Y-Y ที่ 1 พันล้านบาทในปี 2019 ก่อนฟื้นตัว +28% Y-Y เป็น 1.3 พันล้านบาทในปีหน้า ปรับไปใช้ราคาเหมาะสมปี 2020
บล.หยวนต้า กล่าวว่า มีภาพบวกที่ดีจากการรับงานใหม่ของภาครัฐ ทั้งในรูปแบบของการเป็นพันธมิตร รับงานร่วมกับกลุ่มเช่น (BTS,RATCH,GULF) และจากความสัมพันธ์ที่ดีทำให้มีโอกาสสูงในการรับงานก่อสร้างเพิ่มจากพันธมติรเช่น GULF ทั้งจากการประมูลงานภาครัฐอื่นและงานโรงไฟฟ้ารวมถึงการขยายตัวของธุรกิจ Commercial Building ในรูปแบบของห้างสรรพสินค้าและ Mixed use จะช่วยเพิ่มการรับงานใหม่ในส่วนของภาคเอกชนในช่วง 2-4 ปีข้างหน้า
บล.ฟิลลิป กล่าวว่า งานในมือมากหนุนรายได้ไปถึงปีหน้า งานประมลปีนี้ค่อนข้างซบเซา ล่าสุดงานใหญ่ที่เก็งว่าจะมา เช่น งานรถไฟฟ้าสายสีม่วง,สีส้ม,งานรถไฟทางคู่เฟส 2 มีทาท่ ีวาจะประมูลถัดไปปีหน้าทําให้มูลค่างานเซ็นใหม่ของผู้ประกอบการค่อนข้างนิ่ง และงานในมือพร่องลงไปเรื่อยๆ แต่ไม่ใช่ประเด็นสําหรับ STEC เพราะปีที่ผ่านมาจบงานใหญ่ หลายงานเข้ามาจนล่าสุดมีงานในมือ 93 พัน ล้านบาท ซึ่งเชื่อว่าทางบริษัทจะส่งมอบได้ใน 2H62 และ 2563 ที่ 15.8 พัน ล้านบาท และ 37 พัน ล้านบาท ประมาณการรายได้ปี 62 และ 63 เติบโต 11% และ 37%
คำแนะนำของแต่ละโบรค
เมย์แบงก์ กิมเอ็ง "TRADING BUY" ราคาเป้าหมาย 22 บาท
ฟินันเซีย ไซรัส "ถือ" ราคาเป้าหมาย 21.50 บาท
หยวนต้า(ประเทศไทย) "เก็งกำไร" ราคาเหมาะสมปี 63 ที่ 24.80 บาท
ฟิลลิป "ซื้อ" ราคาพื้นฐาน 24 บาท
Reference : https://portal.settrade.com , https://portal.settrade.com , https://portal.settrade.com , https://portal.settrade.com , https://www.set.or.th