ตำนานกรีกเรื่องหนึ่งกล่าวถึง อีดิปัสที่ตอนเกิดได้ถูกหมอดูทำนายว่าจะฆ่าพ่อตัวเองแล้วแต่งงานกับแม่ตัวเอง คำทำนายนี้ทำให้ไลอุส ผู้เป็นพ่อทิ้งอีดิปัสแล้วหนีไป ในขณะเดียวกันก็ได้มีผู้อุปการะอีดิปัสแล้วเลี้ยงจนโต แต่สุดท้ายแล้ววันหนึ่งอิดีปัสได้ต่อสู้กับคนแปลกหน้าคนหนึ่งและฆ่าเขาทิ้ง ซึ่งคนแปลกหน้าคนนี้ก็คือไลอุส พ่อของเขานั่นเอง
แม้ตำนานดังกล่าวอาจฟังดูเหมือนเรื่องบังเอิญ แต่ในหลายๆ การตัดสินใจของคนเรา อาจมีภาพจินตนาการเกี่ยวกับคำทำนายหรือความเชื่อบางอย่างวางฝังไว้ในหัวแต่แรกอยู่แล้ว ทำให้เวลาจะลงมือทำจริง เกิดแรงบีบบังคับให้เกิดการกระทำที่สอดคล้องกับภาพนี้อย่างหักห้ามไม่ได้ จนสุดท้ายผลที่ออกมาก็มักจะเป็นอย่างที่วาดภาพไว้แต่แรก
ในสาขาเศรษฐศาสตร์และจิตวิทยาเรียกกระบวนการนี้ว่า Self-fulfilling prophecy หรือ การกระทำที่บังคับทำให้คำทำนายเกิดขึ้นจริงเพียงแค่เพราะมันมีจุดเริ่มต้นมาความคิดเกี่ยวกับความเชื่อและคำทำนายนั้นๆ
เรื่องนี้น่าสนใจ ตรงที่ว่ามันไม่ได้มีตัวตนอยู่ในแค่บางมุมของสังคม แต่อยู่แทบทุกมุมชีวิตโดยเฉพาะในสังคมที่ผู้คนมักมีความเชื่ออย่าง
วงจรการภาพคำทำนายในระบบเศรษฐกิจ
ในทางเศรษฐศาสตร์ ตัวอย่างคลาสสิคที่ถูกนำมาอธิบายกระบวนการนี้ คือ การคาดการณ์เงินเฟ้อ เมื่อคนเพียง “คิด” ว่าเงินเฟ้อจะสูงขึ้น โดยเฉพาะอย่างยิ่งในภาวะสงครามเนื่องจากสินค้าขาดแคลน คนก็มักจะกักตุนสินค้าเอาไว้ ซึ่งการกักตุนนี้เองจะส่งผลทำให้จำนวนสินค้าในตลาดลดลงและทำให้ราคาของสินค้ารวมถึงเงินเฟ้อสูงขึ้น เรียกได้ว่า แค่ ”คิด” ก็ทำให้ ”เกิด” ได้
อีกหนึ่งตัวอย่างในระบบเศรษฐกิจก็คือการเกิดวิกฤตการณ์ทางการเงินของธนาคาร เมื่อคนคิดว่าธนาคารกำลังประสบปัญหา เช่น ปัญหาสภาพคล่อง คนจะเริ่มตื่นตระหนกและรีบไปธนาคารเพื่อถอนเงินสดมาเก็บไว้ ทำให้สุดท้ายธนาคารนี้กลายเป็นว่าต้องเจอปัญหาสภาพคล่องจริงๆ (เพราะคนแตกตื่นมาถอนเงินกันอย่างกระทันหัน) เป็นต้น
Self-fulfilling Prophecy นอกระบบเศรษฐกิจ
นอกจากเหนือจากตัวอย่างเหล่านี้ นักเศรษฐศาสตร์และนักจิตวิทยายังพบกระบวนการนี้ในด้านอื่นๆ ของสังคมด้วย เช่น การเลี้ยงดูลูก - งานวิจัยเรื่อง Can Superstition Create A Self-Fulfilling Prophecy? School Outcomes of Dragon Children of China (https://www.nber.org/papers/w23709) ต้องการศึกษาว่าเด็กที่เกิดปีมะโรงจะมีความสำเร็จทางการศึกษามากกว่าเด็กที่เกิดปีอื่นจริงหรือไม่ เนื่องจากชาวจีนมีความเชื่อว่าเด็กที่เกิดในปีมะโรงจะมีโชคดีและประสบความสำเร็จในชีวิต
กลุ่มนักวิจัยวัดได้และพบว่าความเชื่อนี้ทำให้ผู้ปกครองในประเทศจีนมีความคาดหวังในตัวเด็กที่สูงกว่าเด็กที่เกิดปีอื่น และทำให้ตัวผู้ปกครองเองเลี้ยงดูเอาใจใส่รวมถึงลงทุนทางด้านศึกษามากเป็นพิเศษ
ทำให้สุดท้ายแล้วเด็กปีมะโรงเหล่านี้มีผลการศึกษาและการสอบเจ้ามหาวิทยาลัยที่ดีกว่าเด็กที่เกิดปีอื่นจริงๆ โดยผลการศึกษาพบว่าเด็กที่เกิดปีมังกรมีคะแนนสอบเข้ามหาวิทยาลัยที่สูงกว่าเด็กปีอื่นประมาณ 10 คะแนน ซึ่งเป็นผลของการบังเอิญเกิดปีมะโรงและพ่อแม่มีความคือหวังสูง ไม่ได้เกี่ยวกับปัจจัยอื่นๆ ใดๆ เช่น เพศ อายุ หรือ ฐานะครอบครัว
การปฎิบัติหน้าที่การงาน - งานศึกษาเรื่อง Teacher Expectations Matter (https://papers.ssrn.com/sol3/papers.cfm?abstract_id=3282955) ศึกษาว่า “ความคาดหวังในตัวเด็ก” ของครูส่งผลอย่างไรต่อการศึกษาต่อของนักเรียน โดนตั้งสมมติฐานไว้ว่าหากครูมีความคาดหวังว่านักเรียนคนนี้จะสามารถจบการศึกษาในระดับอุดมศึกษาได้ ในท้ายที่สุดนักเรียนผู้นั้นก็จะจบการศึกษาในระดับอุดมศึกษาจริงๆ
ความคาดหวังของครูอาจส่งต่อปัจจัยที่เกิดจาก Self-fulfilling Prophecy ได้ เช่น หากครูมีความคาดหวังว่าเด็กคนนี้จะศึกษาต่อ ก็อาจทำให้ทัศนคติของครูที่มีต่อเด็กเปลี่ยนไป ทำให้ครูมีความเต็มใจที่จะช่วยเหลือเด็กคนนั้นๆ ในด้านการเรียนมากขึ้น รวมถึงการเขียนจดหมาย Recommendation letter ที่ดีกว่าเด็กคนอื่น ทำให้โอกาสในการศึกษาต่อของเด็กมีมากขึ้นจริงๆ (โดยที่ความเก่งของเด็กอยู่เท่าเดิม)
โดยผลการศึกษาพบว่า หากครูสามารถเปลี่ยนความคาดหวังจากไม่คาดหวังว่าเด็กจะศึกษาต่อเป็นศึกษาต่อ จะทำให้ความน่าจะเป็นของการศึกษาต่อในระดับอุดมศึกษาเพิ่มขึ้นถึง 20 เปอร์เซ็นต์เลยทีเดียว
การทำความดีความชั่ว - ในงานวิจัยเรื่อง Corruption as a Self-Fulfilling Prophecy (https://www.jstor.org/stable/24877473?seq=1#page_scan_tab_contents) ได้ทำการศึกษาว่าความยินยอมที่จะกระทำคอรัปชั่นของคนๆ หนึ่งขึ้นอยู่กับการคาดว่าสังคมมีระดับของการคอรัปชั่นมากน้อยเพียงใด โดยตั้งสมมติฐานว่าคนที่คิดว่ามีการคอรัปชันเกิดขึ้นในสังคมมาก ก็จะมีต้นทุนทางจริยธรรมที่ต่ำลง ส่งผลให้เขามีโอกาสกระทำคอรัปชันมากขึ้น
โดยการศึกษาได้ทำการทดลองว่าหากแบ่งคนเป็นสองกลุ่ม กลุ่มหนึ่งได้รับข้อมูลว่าในสังคมมีการติดสินบนเจ้าหน้าที่หากทำผิดกฏจราจรเป็นเรื่องปกติ อีกกลุ่มไม่ได้ข้อมูลนี้ แล้วเทียบกันว่าระหว่างสองกลุ่มนี้จะมีความยินยอมในการกระทำคอรัปชั่นต่างกันเท่าใด พบว่าโดยเฉลี่ยแล้วแค่ความคิดว่าสังคมมีความไม่เป็นธรรมอยู่ สามารถทำให้คนกลุ่มนี้พยายามติดสินบนตำรวจมากขึ้นราว 10 เปอร์เซ็นต์เลยทีเดียว
ความเชื่ออยู่กับมนุษย์เรามานาน มันอาจมีผลกระทบที่จับต้องไม่ได้ (เราไม่ลบหลู่) แต่อย่างที่เห็นในบทความนี้ มันมีพลังบางอย่างที่ผลักดันทำให้มนุษย์ที่เชื่อในความเชื่อและคำทำนายเหล่านี้สามารถทำให้มันเป็นจริงขึ้นมาได้แบบตรงๆ เลยเหมือนกัน