GULF เป็นหุ้นอีกหนึ่งตัวที่มีปัจจัยทางพื้นฐานที่ดี และราคาก็ขึ้นมาร้อนแรงไม่แพ้กัน บริษัทนี้ได้ประกอบธุรกิจเกี่ยวกับ ผลิตและจำหน่าย ไฟฟ้า ล่าสุด GULF ได้ประกาศ ทุ่มเงินอีกจำนวน 1.3 หมื่นล้านบาท เพื่อที่จะลุยลงทุนโครงสร้างพื้นฐาน ในนิคมอุตสาหกรรม มาบตะพุด-แหลมฉบัง เพื่อหวังในสัดส่วนรายได้ที่เติบโตขึ้น พร้อมทั้งเก็บแผนการลงทุนโรงไฟฟ้าใน สหรัฐฯ ไว้ก่อน เหตุกลัวได้ไม่คุ้มเสีย หันไปลงทุนโรงไฟฟ้าพลังน้ำ ในประเทศจีนแทน กำลังผลิตประมาณ 2,500MV
ล่าสุดราคาหุ้น GULF ขึ้นไปทำราคาสูงสุดที่ 163.50 บาท บรรดากูรูต่างออกโรงเตือนราคาอาจเต็มมูลค่าแล้ว นับได้ว่าราคาของหุ้นตัวนี้เป็นหุ้นอีกตัวหนึ่งที่น่าจับตามองเป็นพิเศษเพราะตั้งแต่ ทำ IPO เป็นต้นมาราคาทำจุดสูงสุดมาโดยตลอด
บล.บัวหลวง วิเคราะห์ว่า GULF มีโอกาสเติบโตได้อีกราคาเป้าหมายปี 2020 อยู่ที่ 160 บาท เนื่องจาก มีโอกาสในการเติบโดตได้อีก นอกเหนือจากการลงทุนในโครงสร้างพื้นฐาน GULF มีแผนที่จะขยาย อณาจักร ทั่ว เอชียตะวันออกเฉียงใต้ และตะวันออกกลาง และยังคงได้ประโยชน์จากอัตราดอกเบี้ยที่ลดลง และผลประกอบการที่แขงแกร่ง แม้ว่าเศรษฐกิจโลกจะชะลอตัวก็ตาม
บล.CGS วิเคราะห์ว่า ราคาหุ้นปัจจุบันซื้อขายที่ระดับ 79.6x Trailing PE ใกล้ระดับซื้อขายสูงสุดตั้งแต่ เข้ามาซื้อขายในตลาดเมื่อเดือนธ.ค. 17 ได้สะท้อนความคาดหวังต่อการเติบโต ก้าวกระโดดของผลประกอบการจากกำลังการผลิตไฟฟ้าตาม Equity MW ที่ จะเพิ่มขึ้นกว่า 2.6 เท่าตัวในห้าปีข้างหน้าไปแล้ว นักลงทุนควรติดตามการ ประกาศโครงการใหม่ๆ ที่จะมีผลต่อการปรับเปลี่ยนประมาณการผลประกอบการและราคาเป้าหมายขอ นักวิเคราะห์ พิจารณาจาก BB มีนักวิเคราะห์เพียง 3 จาก 13 ท่านที่ให้คำแนะนำ “ซื้อ” ด้วยราคา เป้าหมาย 95 บาท
บล.LH วิเคราะห์ว่า ซื้อเมื่อราคาอ่อนตัว” โดยราคาหุ้นปรับขึ้นน่าจะสะท้อนข่าวดีจากกำไรที่โดดเด่นใน 2Q62+ความคาดหวังที่จะชนะประมูลโครงการดังกล่าวของภาครัฐทำให้ราคาหุ้นสูงเกินกว่ามูลค่ายุติธรรมในเชิงกลยุทธ์ที่ 74.50 บ. จึงคงแนะนำ“ซื้อเมื่ออ่อนตัว” ราคาเป้าหมายพื้นฐาน 56.40 บ. ด้วยวิธี DCF โดยใช้ WACC=4.5%-5.7% สำหรับโรงไฟฟ้า IPP&SPP (6,303.8 MW) ได้มูลค่า 56.25 บ.+0.14 บ.จากธุรกิจ Solar rooftop & Biomass (25.45 MW) รวมเป็น 56.39 บ. (6,329.2 MW) ทั้งนี้ยังไม่รวมมูลค่าหุ้นเพิ่มจากโครงการลงทุนใหม่ๆ