ถือเป็นประเด็นที่พูดคุยกันในวงกว้างสำหรับผู้ถือหุ้น TMB ที่ได้สิทธิ์ "ใบแสดงสิทธิในการซื้อหุ้นเพิ่มทุนที่โอนสิทธิได้" หรือเรียกสั้นๆว่า TSR ...
คำถามสำคัญ คือ นักลงทุนที่ถือหุ้น TMB จะได้รับสิทธิเท่าไร ต้องใช้เงินแปลงสภาพอีกเท่าไร และเราควรขายใบแสดงสิทธิ TSR หรือหุ้น TMB หรือไม่
โดยปกติการเข้าลงทุนของบริษัทอาจจะต้องใช้เงินจำนวนมากจึงมีการเพิ่มทุนให้กับผู้ถือหุ้นเดิมเพื่อระดมทุนไปลงทุนหรือซื้อกิจการซึ่งจะได้ สิทธิ์ที่ตายตัวอยู่ แต่ถ้าเราอยากให้ "สิทธิ์" สามารถซื้อขายกันได้ บริษัทจำเป็นจะต้องออก TSR
TSR หรือ Transferable Subscription Right เป็นตราสารประเภทหนึ่งคล้าย Warrant ซึ่งสามารถซื้อขายกันได้ผ่านตลาดหลักทรัพย์ มีอายุไม่เกิน 2 เดือน ในขณะที่ Warrant มีอายุ 3-5 ปี ผู้ที่ถือ TSR จะได้สิทธิ์ในการเพิ่มทุนตามที่บริษัทกำหนด
กลับมาที่ TMB บริษัทแจ้งผ่านตลาดหลักทรัพย์ว่า จะออก TSR ให้กับผู้ถือหุ้นเดิม 1.39 หุ้น TMB จะได้ 1 TSR นั้นหมายความว่าถ้านักลงทุนถือหุ้น TMB จำนวน 1000 หุ้น จะได้ TSR เป็นจำนวน 719.42 หน่วย รายละเอียดยังมีแค่นี้
- ราคาแปลงสภาพยังไม่กำหนด แต่คาดว่าน่าจะอยู่ราวๆ 1.35-1.60 บาท
- วันที่ในการแปลงสภาพ ยังไม่กำหนด ซึ่งข้อนี้สำคัญมาก **
TSR มีวันหมดอายุ ถ้านักลงทุนที่ถือและไม่แปลงสิทธิ์ TSR นี้จะมีไม่มีมูลค่าอะไรเลย ดังนั้นนักลงทุนจะต้องตัดสินใจและศึกษาอย่างละเอียดถี่ถ้วน รวมถึงจดบันทึกเลยว่าจะหมดอายุเมื่อไร
การออก TSR ไม่ใช่เรื่องใหม่ ในตลาดหลักทรัพย์ของไทยก็เคยออกมาแล้วหลายครั้ง เช่น หุ้น IVL ก็ออก TSR (IVL-T1) หุ้น TRUE และ SAT ก็เคยทำ TSR มาก่อน ซึ่งจากอดีตที่ผ่านมา ใบแสดงสิทธิ์ TSR จะวิ่งแรงมากไม่กี่วัน หลังจากนั้นจะค่อยๆลงจนหมดอายุ ดังนั้นนักลงทุนมีเพียง 2 ทางเลือก คือ
1) ขายทิ้ง -- สำหรับนักลงทุนที่ไม่ต้องการเพิ่มทุน
2.) รอซื้อวันท้ายๆ หรือถือไว้เฉยๆ -- สำหรับนักลงทุนที่ต้องการแปลงสภาพ
ทางด้านของกระทรวงการคลังซึ่งเป็นผู้ถือหุ้นใหญ่ TMB ออกมาชี้แจงว่าจะให้กองทุนวายุภักษ์ซื้อหุ้นเพิ่มทุนในครั้งนี้วงเงิน 1.5 หมื่นล้านบาท สำหรับต้นทุนจากเดิมเคยอยู่ 3.84 บาท จะเหลืออยู่ที่ 2 บาทกว่า ภายหลังการควบรวมแล้ว ไอเอ็นจี จะเป็นผู้ถือหุ้นใหญ่ แต่สัดส่วนถือหุ้นลดลงจาก 29% เหลือ 21% ส่วนคลัง เดิมเคยถือหุ้นใหญ่อันดับ 2 จะหล่นไปอยู่อันดับ 3 ถือหุ้น 18% และ บริษัท ทุนธนชาต จำกัด (มหาชน) หรือ TCAP ถือหุ้นอันดับ 2 ที่ 20%
กลับมาที่ TMB หลังจากควบรวมกิจการกับ TBANK แล้ว พื้นฐานจะเปลี่ยนแปลงไปมากแค่ไหน ลองมาอ่านความเห็นจากนักวิเคราะห์กันครับ
บล.เคที ซีมิโก้ วิเคราะห์ว่าการควบรวมกิจการระหว่าง TMB และ TBANK จะเห็นประโยชน์ในระยะยาว แต่ระยะสั้นอาจจะมีความเสี่ยงบ้างอย่างน้อยปีแรกหลังการควบรวมกิจการ ให้ราคาเหมาะสมของ TMB อยู่ในกรอบ 2.0-2.10 บาท/หุ้น อย่างไรก็ตามมองว่า TCAP ดูมีความน่าสนใจกว่า
บล.แลนด์ แอนด์ เฮ้าส์ มองเป็นผลบวกกับ TCAP มากกว่า สำหรับ TMB จะมีสินทรัพย์เพิ่มเป็น 1.9 ล้านล้านบาท ฐานลูกค้ากว่า 10 ล้านราย และเป็นธนาคารพาณิชย์ขนาดใหญ่อันดับ 6 แต่คงต้องใช้เวลาในการควบรวมและปรับโครงสร้างเป็นปี ระยะสั้นแนะนำ "เปลี่ยนตัวลงทุน" ไปซื้อ BBL,KBANK ซึ่งราคาถูกมาก และมีศักยภาพในการเติบโตและการทำกำไรได้
บล.เคทีบี(ประเทศไทย) มองดีลนี้เป็นบวกเกิด Synergy ระยะยาว ให้ ราคาเป้าหมายของ TMB ที่ 2.12 บาท ทั้งนี้ประเมินมูลค่าหุ้นใหม่ของ NewTMB จะอยู่ที่ 2.06 บาทต่อหุ้น
นี้ก็เป็นความเห็นของนักวิเคราะห์ครับ ...
สรุปแล้วใบแสดงสิทธิ TSR มี 2 ทางเลือกให้กับนักลงทุน ถ้าต้องการเพิ่มทุนให้ซื้อเพิ่มในวันท้ายๆหรือถือไว้เฉยๆ แต่ถ้าเป็นนักเก็งกำไรให้ขายวันแรกๆ สำหรับหุ้น TMB แล้ว โบรคเกอร์มองเป็นบวกในระยะยาวซึ่ง TCAP จะได้ประโยชน์มากกว่า ให้มูลค่าเหมาะสมของ TMB ประมาณ 2 บาท ถ้าวัดจากตรงนี้ (ราคา 1.5 บาท) ถือว่ามี Upside อยู่พอสมควรครับ
การลงทุนมีความเสี่ยง นักลงทุนต้องทำความเข้าใจและศึกษารายละเอียดให้ดีก่อนการตัดสินใจลงทุนครับ ... !