ถ้าวันนี้คุณมีรายได้แบบที่เป็น Active Income เดือนละ 1 ล้านบาท คุณว่าเยอะมั้ยครั้บ ? คำตอบคือเยอะมากใช่มั้ยครับ แล้วถ้าเงินเดือนๆ ละ 1 ล้านบาทคุณคิดว่าต้องทำงานตำแหน่งอะไร? (CEO บางคน ยังได้ไม่ถึงเลยนะ)
ผมเคยถามหลายคนที่มีรายได้เดือนละล้าน คุณคิดว่าเขาใช้เงินกันเดือนละเท่าไหร่ครับ? ค่าเฉลี่ยอยู่ที่ใช้เดือนละ 200,000 ถึง 300,000 บาทนั่นเอง ผมถามพวกเขาว่าทำไมใช้แค่นั้นเองอุตสาห์มีรายได้ตั้งเยอะ พวกเขาตอบผมว่าต้องเก็บไว้เผื่ออนาคตเพื่อวันเกษียณที่รายได้หยุด จะมีเงินเก็บก้อนใหญ่ไว้ก้อนหนึ่ง
คำถามต่อมาคือ พอหลังเกษียณแล้วคุณคิดว่าจะใช้เงินเท่าเดิมได้ไหม? ทุกคนตอบว่าไม่ได้ ต้องประหยัดขึ้นไม่มีใครตอบว่าจะใช้เงินเกิน 100,000 บาทเลยสักคน
นั่นแปลว่าคุณทำงานมาตั้งเกือบ 40 ปีเพื่อที่จะมาหดคุณภาพชีวิตลงตอนแก่อย่างนั้น เหรอ? เพื่อ !?!
เชื่อสิครับว่าตอนอายุ 60 ปีใช้เงิน 1 แสนบาทเดี๋ยวพออายุ 65 ปี ก็จะกล้าใช้เงินน้อยลงอีกเพราะกังวลว่าเงินเก็บจะหมด (นี่ขนาดว่ามีเงินเก็บเยอะแล้วนะ)
ทั้งที่ชีวิตหลังเกษียณควรจะเป็นช่วงเวลาที่สบายที่สุด มีความสุขที่สุด แต่เศร้าที่คนส่วนใหญ่กลับมีช่วงชีวิตหลังเกษียณที่เครียดที่สุดเพราะเรื่องเงินนี่แหละแล้วถ้าในทางกลับกัน ถ้าเงิน 1 ล้านนั้นเป็นรายได้ที่เรียกว่า Passive Income ล่ะ ผมถามคนกลุ่มเดิมว่าจะใช้กันเดือนละเท่าไหร่ คำตอบก็คือใช้หมดครับ เพราะเดี๋ยวเดือนหน้ามันก็มาใหม่อีกเลยไม่รู้จะเก็บไว้ทำไม
ผมอยากให้คุณเข้าใจความแตกต่างระหว่างคำว่า Quality (คุณภาพ) และ Quantity (ปริมาณ) 1 ล้านบาทคือ ปริมาณ แต่ด้วยจำนวนเงินที่เท่ากันนี้ Active Income กับ Passive Income จะให้คุณภาพชีวิตที่แตกต่างกันมากมายครับ
อิสรภาพทางการเงินไม่ใช่แค่สภาวะทางกายเท่านั้น ไม่ใช่มีแค่เงินที่ซื้อความสุขใส่ตัว แต่มันเกี่ยวกับสภาวะความสงบของจิตใจด้วย (หรือที่เรียกว่า Peace of Mind) ถ้าคุณมี Passive Income คุณจะใช้เงินได้อย่างไม่ต้องกังวลใจเลย “นี่แหละคือิสรภาพทางการเงิน” ผมถามคนที่มีรายได้เดือนละ 1 ล้านบาทแต่เป็น Active Income ว่าทำไมไม่ใช้เงินต่อเดือนให้มากกว่านั้นสะหน่อยล่ะ เช่น เดือนละ 400,000 บาท พวกเขาตอบว่ากลัวเหลือน้อยไม่พอเก็บ
ผมถามต่อีกว่าแล้วทำไมไม่ใช้แค่แสนเดียวก็พอ ใช้ทำไมตั้ง 2-3 แสน เขาตอบว่าไงรู้มั้ยครับ ? เขาบอกว่าถ้าน้อยกว่านั้นมันไม่ตอบโจทย์ชีวิต สรุป กลายเป็นว่า ใช้เยอะไปก็รู้สึกผิด ใช้น้อยไปก็รู้สึกผิด นั่นแปลว่าคุณจะรู้สึกผิดในการใช้เงินไปตลอดชีวิต ถ้าคุณมีรายได้จากการ Active Income ขนาดคุณีรายได้เยอะขนาดนี้ ยังไม่กล้าใช้เงิน พอหลังเกษียณคุณต้องไม่กล้าใช้เงินยิ่งกว่าเดิมแน่นอน นั่นแปลว่าตั้งแต่เกิดจนตายคุณเครียดกับการไม่กล้าใช้เงินตลอดชีวิต
“น่าเสียดายถ้าตายไป แล้วใช้เงินไม่หมด แต่น่าสลด ถ้าเงินหมด แล้วยังไม่ตาย” คุณคงเคยได้ยินประโยคเหล่านี้อยู่บ่อยครั้ง ไม่รู้จะขำหรือเศร้าดีนะครับ เพราะมันคือเรื่องจริง หลัง เกษียณคุณจะไม่มีรายได้อีกแล้ว มีแต่รายจ่าย แต่คุณก็ไม่รู้ว่าคุณจะตายเมื่อไหร่ ถ้ารู้ว่าอีก 500 วันเราจะตาย แบบนี้เราคงเอาเงินที่มีทั้งหมด มาหารด้วย 500 แล้วใช้มันเท่าๆ กันทุกวัน แต่ความจริงก็คือเราไม่รู้นี่ครับว่าเราจะตาย เมื่อไหร่ เลยไม่กล้ายืมเงิน
บางคนคิดว่า ถ้าอย่างนั้นทำธุรกิจส่วนตัวดีกว่า จะได้ไม่ต้องกลัวรายได้หยุดหลังเกษียณ ถ้าคุณเลือกทางนี้มันก็ถูกครับที่รายได้ของคุณจะไม่หยุด ถึงแม้จะอายุ 60 ปีแล้วแต่ข้อแม้ก็คือ คุณก็ยังคงต้องทำงานไปตลอดชีวิต! สรุปแย่พอกัน ทางออกเรื่องนี้มีทางเดียวครับคือ คุณต้องมี Passive Income (หรือ FF)
บทความนี้เป็นส่วนหนึ่งของหนังสือ "เหนื่อยชั่วคราว สบายชั่วโคตร ฉบับพนักงานประจำ" สนใจสั่งซื้อได้ที่ https://www.stock2morrow.com/publishing/bookdetail.php?id=147