และการนิยามไว้แบบนี้ ไม่ใช่เฉพาะกับคนที่เทรดเต็มตัวนะครับ. แม้ว่ามีรายได้จากงานประจำอยู่แล้ว (ในมุมมองผม) ก็ควรมองแบบนี้ เพราะที่เราทุกคนลงทุน ก็เพื่อหวังที่จะให้ทุนก้อนนี้เลี้ยงดูเราในอนาคตได้ในวันนึงที่เราเกษียณ ฯลฯ แต่แม้ว่าจะมีเงินก้อนใหญ่ หากเราดึงทุนมาใช้อย่างเดียว และเห็นแต่ทุนลดลงเรื่อยๆ ชีวิตที่เหลือจะเครียดครับ.

ดังนั้นการลงทุน ต้องเป็น Lifetime model 
จะมองไปถึงตอนเกษียณ หรือเมื่อมีเงินถึงเท่านั้นเท่านี้ไม่ได้.

แต่หลักการฟังดูดีทั้งนั้นแหละครับ จะลงทุน:-
1. Port โต และ 2. มี Cash flow 
ประเด็นคือ จะเปลี่ยน "หลักการ" ไปเป็น "วิธีการ" อย่างไร ผมเทรดใช้เทคนิคคอลคล้ายๆ กับที่มีอยู่ทั่วไป ไม่ค่อยใช้เครื่องมือซับซ้อนด้วยซ้ำ. แล้วจะเทรดให้ "Port โต & มี Cash flow" อย่างไร ปีที่หุ้นชัดๆ ก็กำไรเยอะอยู่ แต่ปีที่หุ้นไม่ไปไหน แม้จะไม่ขาดทุนหนักแต่ก็ไม่เห็นกำไรเป็นกอบเป็นกำ ราวกับว่าคุณภาพชีวิตเราไปผูกกับสภาพตลาด พินิจพิเคราะห์แล้วระยะยาวแบบนี้ไม่น่าเวิร์ค.

วิธีตีโจทย์นี้ของผมคือการ "Divide & conquer" ตีโจทย์ใหญ่ให้กลายเป็นโจทย์ย่อยเสียก่อน โดยแบ่งรูปแบบการเทรดออกเป็น 2 กลยุทธ์อย่างชัดเจน เป็น:-

i) WEALTH strategy ไม่ใช้ Leverage (วางเงินเต็ม) เน้นที่หุ้น ซื้อและถือยาวได้ เท่าไรเท่ากัน ออกแบบให้คืนกำไรลึกได้ หวังกินสุด Trend ไม่ให้ขายหมูเด็ดขาด บริหารโดยกระจายความเสี่ยงไป.. รอบหุ้นมาฐานทุนโต

ii) CASH FLOW strategy เน้นในสินค้าที่มี Leverage; Forex, futures, options ฯลฯ หวังกำไรสม่ำเสมอ มากน้อย ไม่ถือยาว. ถ้ารอบจบในวันก็เทรดจบในวัน ไม่ให้คืนกำไร เน้นตีหัวเข้าบ้านตั้งเป้าออกเท่านั้น. สร้างกระแสเงินสดให้ Port ตลอด

เมื่อมองแบบนี้ โจทย์ก็จะกลายเป็นวิธีการอย่างชัดเจน. 
โปรดติดตามตอน #2
-Freedom trader-