บริษัท คอปเปอร์ ไวร์ด จำกัด (มหาชน) หรือ CPW ถือเป็นอีกหนึ่งหุ้นน้องใหม่ที่กำลังจะเข้าตลาดเร็วๆนี้ โดยบริษัททำธุรกิจค้าปลีกและค้าส่งสินค้าประเภทดิจิตอลไลฟ์สไตล์ที่ผลิตภัณฑ์ซึ่งมีความโดดเด่นทั้งเรื่องสินค้าที่มีนวัตกรรม ความทันสมัยและสามารถใช้ได้ในชีวิตประจำวันทั่วไป เช่น อุปกรณ์เกี่ยวกับเสียง อุปกรณ์เพื่อสุขภาพและการออกกำลังกาย เครื่องใช้ไฟฟ้าภายในบ้านและสำนักงาน รวมทั้ง สมาร์ทโฟน คอมพิวเตอร์และแท็บเล็ต นาฬิกาอัจฉริยะและอุปกรณ์เสริมต่างๆ "และนี้คือ 8 เรื่องที่นักลงทุนควรรู้ก่อนจะลงทุนหุ้น CPW มีอะไรบ้าง ... มาดูกันครับ"
1. CPW ดำเนินธุรกิจขายปลีกสินค้ากลุ่มดิจิตอลไลฟ์สไตล์ รวมไปถึงสินค้าแบรนด์ Apple ผ่านร้านค้าภายใต้การบริหารงานของบริษัท ได้แก่
1.1) ร้านค้าปลีกจำหน่ายสินค้าดิจิตอลไลฟ์สไตล์ ได้แก่ ร้าน .life
1.2) ร้านค้าปลีก Apple Brand Shop จำหน่ายสินค้าแบรนด์ Apple ได้แก่ ร้าน iStudio by copperwired ร้าน iBeat by copperwired
1.3) ร้าน iServe เป็นศูนย์บริการที่ได้รับการแต่งตั้งจากทาง Apple ให้บริการซ่อม/เปลี่ยนอะไหล่สินค้าแบรนด์ Apple ที่ชำรุดแก่ลูกค้าของบริษัทด้วยมาตรฐาน Apple
1.4) ช่องทาง E-Commerce ผ่านเว็ปไซด์ของบริษัทเอง คือ www.dotlife.store และ www.mustlovemac.store
อีกทั้งบริษัทยังมีธุรกิจค้าส่งสินค้าดิจิตอลแบบ B2B ดำเนินการโดยบริษัท โคแอน จำกัด ซึ่งส่วนใหญ่เป็นการขายสินค้าที่นำเข้าจากต่างประเทศ และเน้นขายให้แก่กลุ่มลูกค้าที่นำไปจำหน่ายสินค้าให้แก่ลูกค้ารายย่อย เช่น CPW ห้างสรรพสินค้าเซ็นทรัล ห้างสรรพสินค้าเดอะมอลล์ พาวเวอร์บาย ร้านค้าปลอดภาษี คิง พาวเวอร์ Apple Store เป็นต้น
ที่มาภาพ : https://www.copperwired.co.th/
2. บริษัทมีกลุ่มผู้ถือหุ้นใหญ่ คือกลุ่มอิงค์ธเนศ ถือหุ้นรวมถึง 74.75% ภายหลังการขายหุ้น IPO กลุ่มนี้จะลดสัดส่วนการถือหุ้นเหลือเพียง 54.82% โดยจะขายหุ้นให้กับประชาชนทั่วไป 160 ล้านหุ้น คิดเป็น 26.67%
ที่มาภาพ : https://www.copperwired.co.th/
3. รายได้หลักของบริษัทมาจาก 4 ส่วนหลัก ได้แก่
- รายได้จากการขายสินค้าประเภทดิจิตอลไลฟ์สไตล์ 43.37%
- รายได้จากการขายสินค้าประเภทสมาร์ทโฟน 26.84%
- รายได้จากการขายสินค้าประเภทคอมพิวเตอร์และแท็บเล็ต 25.97%
- รายได้จากการบริการ ซ่อมแซมสินค้า 2.7%
โดยบริษัทชี้แจงว่า ทุกกลุ่มสินค้าที่บริษัทเลือกมาขายให้กับผุ้บริโภคมีความทันสมัยทำให้เติบโตเพิ่มมากขึ้นทุกปีในทุกกลุ่มสินค้า โดยเฉพาะอย่างยิ่งสินค้าดิจิตอลไลฟ์สไตล์
4. ผลการดำเนินงานของ CPW ที่ผ่านมา 3 ปีย้อนหลัง เป็นดังนี้
ปี 2559 บริษัทมีรายได้ 2.54 พันล้านบาท กำไรสุทธิ 16.22 ล้านบาท
ปี 2560 บริษัทมีรายได้ 2.78 พันล้านบาท กำไรสุทธิ 63.35 ล้านบาท
ปี 2561 บริษัทมีรายได้ 3.22 พันล้านบาท กำไรสุทธิ 83.18 ล้านบาท
โดยบริษัทชี้แจงว่าการเพิ่มขึ้นของกำไรสุทธิ เกิดจากการเพิ่มขึ้นของสัดส่วนสินค้าดิจิตอลไลฟ์สไตล์ที่เพิ่มขึ้น รวมถึงธุรกิจค้าส่งของบริษัทย่อยที่มีอัตรากำไรขั้นต้นสูงกว่า อีกทั้งบริษัทสามารถควบคุมค่าใช้จ่ายในการขายและบริหาร ทำให้รายจ่ายลดลงส่งผลให้กำไรสุทธิเพิ่มขึ้น
5. อัตราส่วนทางการเงินสำคัญของบริษัทมีแนวโน้มดีขึ้นเรื่อยๆ อัตรากำไรสุทธิเพิ่มจาก 0.6% มาอยู่ในระดับ 2.5% ในขณะที่อัตราส่วนหนี้สินต่อส่วนผู้ถือหุ้นลดลง
ในขณะเดียวกันอัตราส่วน ROA และ ROE เพิ่มขึ้นอย่างก้าวกระโดดในแต่ละปี
6. เป้าหมายของบริษัทหลังผ่านการระดมทุน มีอะไรบ้าง
- บริษัทมีโครงการขยายสาขาร้านค้าปลีกของบริษัท เพิ่มอีก 6 ร้าน ภายใต้ชื่อ .life ใช้งบการลงทุนประมาณ 70 ล้านบาท
- บริษัทมีโครงการปรับปรุงสาขาร้านค้าปลีกที่มีอยู่แล้ว 5 ร้าน ใช้งบการลงทุนประมาณ 30 ล้านบาท
7. การเสนอขายหุ้น IPO
บริษัท คอปเปอร์ ไวร์ด จำกัด (มหาชน) หรือ CPW เสนอขายหุ้นสามัญเพิ่มทุนแก่ประชาชนเป็นครั้งแรก (IPO) จำนวน 160 ล้านหุ้น คิดเป็น 26.67% ของหุ้นสามัญที่ออกและเรียกชำระแล้วทั้งหมดภายหลังการเสนอขายหุ้นสามัญเพิ่มทุนครั้งนี้ แบ่งเป็นการเสนอขายต่อประชาชนทั่วไป ตามดุลยพินิจของผู้จัดจำหน่ายหลักทรัพย์ เสนอขายต่อนักลงทุนสถาบัน เสนอขายต่อผู้มีอุปการคุณของบริษัท และเสนอขายต่อกรรมการ ผู้บริหาร และพนักงานของบริษัท
8. นโยบายปันผลของบริษัท
บริษัทมีนโยบายจะจ่ายเงินปันผลไม่น้อยกว่า 50% ของกำไรสุทธิหลังหักภาษีเงินได้และหลังหักสำรองต่างๆทุกประเภทตามกฎหมายกำหนด โดยการพิจารณาจากงบการเงินเฉพาะกิจการของบริษัท
9.ความรับผิดชอบต่อสังคม
โครงการโลกนิทานของหนู คือ หนึ่งในกิจกรรมเพื่อตอบแทนสังคมของ บริษัท คอปเปอร์ ไวร์ด จำกัด (มหาชน) หรือ CPW ก่อตั้งขึ้นตามเจตนารมย์ของคุณณรงค์ อิงค์ธเนศ ประธานบริหาร ที่ต้องการส่งเสริมให้เด็กไทยมีนิสัยรักการอ่าน, มีจินตนาการที่กว้างไกล และรู้จักใช้เวลาว่างให้เป็นประโยชน์ โดยเห็นว่าการปลูกฝังนิสัยรักการอ่านควรเริ่มตั้งแต่ยังเป็นเด็ก และการใช้หนังสือนิทานเป็นสื่อคือจุดเริ่มต้นที่ดีที่สุด เพราะหนังสือนิทานส่วนใหญ่มีเนื้อหาสร้างสรรค์ มีสีสันสวยงาม และเต็มไปด้วยจินตนาการจากทั้งของผู้แต่งและผู้วาดภาพประกอบ จึงมีความเชื่อมั่นว่าหนังสือนิทานสามารถเป็นส่วนหนึ่งที่ช่วยกระตุ้นและปลูกฝังให้เด็กไทยมีนิสัยรักการอ่านตั้งแต่เยาว์วัย อีกทั้งยังสามารถช่วยเสริมสร้างจินตนาการของเด็กผู้ซึ่งจะเติบโตเป็นผู้ใหญ่ที่มีคุณภาพต่อไปในอนาคตได้เป็นอย่างดี
ที่มาภาพ : https://www.copperwired.co.th/