"หุ้นลงจบหรือยังครับ .. แล้วถัวต่อได้ไหม"
ยากนะครับคำถามนี้ และก็เป็นคำถามที่มักถามกันประจำ หุ้นตัวนั้นลงสุดหรือยัง หุ้นตัวนี้ลงสุดหรือยัง ที่สำคัญคนถามมักจะใช้เป็นคำถามนำ เพื่อถามต่อว่า “ถัวได้หรือยัง” อู้ยยยย ใจเย็นก่อนครับ นี่แหละปัญหาสำหรับนักลงทุนเลย ไม่ยอมคัทลอสแล้ว พอยิ่งลงก็ยิ่งถัว ยังลงไม่สุดเลย อยากจะถัว ถัวแล้วลงต่อ ก็ถัวไปเรื่อย จนเงินหมดถัวต่อไปไม่ได้
ในขณะที่ราคายังลงต่อไปเรื่อยๆ พอเริ่มถอดใจ ก็อยากจะขาย และพอขายก็….ลองเดาสิครับว่าเกิดอะไรขึ้น มันเช็คชื่อเราน่ะสิครับ ขายปุ๊บมันเด้งใส่หน้าเลย อย่างที่เขาว่า "มันจะขึ้นตรงจุดที่เรากลัวที่สุด"
นี่แหละที่ผมมักจะพูดเล่นๆ ว่า มันคือคำสาปในตลาด เมื่อไหร่ที่เราไม่ทำตามวินัย ตลาดมันจะทรมานเราจนถึงที่สุด
และเมื่อเราทนไม่ไหวขายทิ้ง ในจุดที่คนอื่นเริ่มกลับมาซื้อ มันก็เด้งกลับโชว์ให้เราเจ็บใจเล่น และก็วนเป็นวัฎจักรแบบนี้ไปเรื่อยๆ
ฝากไว้คิดก่อนวกกลับเข้าคำถามครับ ถ้าเราถัว มันทำให้เราขาดทุนน้อยลงมั้ย ?
ถ้าถัวแล้วต้นทุนดีขึ้น ขาดทุนน้อยลง ให้ถัว แต่ถ้ายิ่งถัว ยิ่งขาดทุน มันไม่ถูกต้องละ ต้องรีบปรับแก้
.... นอกเรื่องซะนาน กลับมาที่คำถาม อะไรบ้าง ที่บอกเราว่า การลงของหุ้นนั้นจบแล้ว จริงๆ แล้วมันมีหลายวิธีครับ ที่ช่วยให้เราพอจะพิจารณาการ หยุดลง การกลับตัว และการเปลี่ยนเทรนด์ได้
อย่างแรกเลย ศึกษาเรื่อง Candlestick pattern ครับ Candlestick pattern หรือรูปแบบแท่งเทียนนั้น ชาวญี่ปุ่นมีการศึกษาและพบว่า หากกลุ่มที่เป็น Reversal pattern เกิดขึ้นตามแนวรับสำคัญแล้ว โอกาสการกลับตัวจะมีสูง ซึ่งวิธีนี้อาจจะให้ความแน่นอนที่ไม่มากนัก เพราะคะเนการกลับตัวจากแท่งเทียนไม่กี่แท่ง ซึ่งอาจจะเป็นลักษณะของการหยุดลงชั่วคราว หรือการ Rebound สั้นๆ
อย่างที่สอง ศึกษาเรื่อง Price Pattern รูปแบบราคา ซึ่งเป็นกลุ่ม Reversal Pattern เช่นเดียวกัน รูปแบบราคาที่อาจทำให้เกิดการกลับตัวจากขาลงเป็นขาขึ้นนั้นเช่น Double Bottom, Triple Bottom หรือ Invert Head and Shoulder เป็นต้น ซึ่งรูปแบบของราคากลุ่ม Reversal นี้จะให้ผลที่ค่อนข้างแม่นยำ โดยเฉพาะอย่างยิ่ง หากนำเรื่องของ Bullish divergence และ Volume มาประกอบ เพื่อเพิ่มน้ำหนักให้กับ Pattern เหล่านั้น
อย่างที่สาม ง่ายสุด ไม่ต้องดูอะไรให้วุ่นวาย เน้นการยกหัว ยกตูด หรือการ ทำ High, Higher Low และ Breakout สร้าง Higher high แบบนี้ กลับตัวแท้แน่นอนตามทฤษฎีดาว ซึ่งในที่สุดเราก็จะเห็นว่ามันไปพ้องกับ Price Pattern กลับตัวสำคัญๆ อย่าง Invert Head and Shoulder หรือ Double bottom ที่ยก Low ขวานิดหน่อยนั่นเอง
ตัวอย่างกราฟหุ้นที่มีการทำจุดสูงสุด และยกจุดต่ำสุดขึ้นไปเรื่อยๆ
อย่างที่สี่ การตี Trend Line ขาลงดักไว้ และการเบรค Trend Line ในขาลง เป็นอีกสัญญานหนึ่งที่ระบุว่า การลงนั้น “อาจจะ” สิ้นสุดแล้ว และอาจจะตามมาด้วย การยกหัวยกตูดตามดาว หรือ การเกิด Reversal Pattern บนรูปแบบของราคา หรือมาครบทั้งหมดเลยที่บอกไว้ก็ได้
ตัวอย่างกราฟหุ้นที่มีการทำเบรค Trendline เปลี่ยนแนวโน้มจากขาลงเป็นขาขึ้น
ลองศึกษาดูนะครับ เลือก จริงๆ แล้วมันก็ยังมีอีกหลายวิธี ที่ใช้เทคนิคที่ซับซ้อนมากขึ้น ไม่ว่าจะเป็นการวัดหาแนวรับขาลงด้วย Fibonacci ร่วมกับการสังเกตการเกิด Bullish Divergence ตามแนว Fibo ต่างๆ แต่วิธีนี้อาจจะต้องใช้ทักษะพอสมควร เดี๋ยวจะยากไป ขอข้ามไปก่อนแล้วกัน
เอาเป็นว่า คิดอะไรไม่ออก ก็กลับไปหาทฤษฎีดาวแล้วกัน กลับตัว ยกหัว ยกตูด เป็นเทรนด์ไปเรื่อยๆ เมื่อไหร่ หัวเตี้ย ตูดเตี้ย ก็จบขาขึ้นกลับเป็นขาลงอีกครั้ง และที่สำคัญย้ำอีกสักหน่อย ยังลงไม่จบ ก็อย่าเพิ่มไปถัวนะครับ ยิ่งถัวต้องยิ่งกำไร ไม่ใช่ ยิ่งถัวยิ่งขาดทุนนะเออ